แสนสิริหวนบุกต่างจังหวัด ผุดคอนโด 5เมืองท่องเที่ยว

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การพัฒนาคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯและปริมณฑลเน้นตามแนวรถไฟฟ้าและย่านใจกลางเมือง ปีนี้จะเปิดโครงการใหม่ รวม 12  โครงการ  มูลค่า33,500 ล้านบาท สัดส่วนเป็นโครงการตลาดกลางบน ราคาขายมากกว่า 100,000 บาทต่อตร.ม.ขึ้นไป ราว 57% และราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อตร.ม. อีก 43%  และจะมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์ คือ ลา คาซิตา ส่วนอีก 1 แบรนด์จะเปิดตัวในช่วงกลางปีนี้  โดยจำนวนโครงการดังกล่าว จะมีโครงการที่ร่วมทุนกับบีทีเอส กรุ๊ป และร่วมทุนกับโตคิว กรุ๊ป พันธมิตรจากญี่ปุ่น ประมาณ 4 โครงการ  มูลค่ารวมกว่า 11,800 ล้านบาท
อีกทั้ง ปีนี้บริษัทได้กลับมาลงทุนคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัด หลังจากที่ชะลอการลงทุนมา 3-4 ปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยปีนี้จะเปิดตัว  5 โครงการ ในเชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน และหาดใหญ่ จะพัฒนาเป็นอาคารโลว์ไรส์ 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร หรือราว  400 ยูนิตต่อโครงการ พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 20 ตร.ม. และราคาขายเฉลี่ยราว 1-2 ล้านต่อยูนิต เนื่องจากจังหวัดเหล่านี้ได้รับอานิสงส์การท่องเที่ยว ประชาชนมีกำลังซื้อและยังมีความต้องการซื้อจากตลาดต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวด้วย
ล่าสุด ได้เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการแรกคือ โครงการ”เดอะไลน์ วงศ์สว่าง” ใก้สถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีวงศ์สว่าง เป็นโครงการร่วมทุนกับ บีทีเอส กรุ๊ป มูลค่า 4,600 ล้านบาท สร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ราคาขายเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท หรือ 95,000 บาทต่อตร.ม. โดยจะเปิดพรีเซลล์ในวันที่ 17-18 มีนาคมนี้ ตั้งเป้าหมายยอดขาย 30% ขณะที่ทั้งปีคาดว่าจะมียอดขาย 50%
ปัจจุบันราคาที่ดินเส้นรถไฟฟ้าสายสีม่วง หลังเปิดใช้บริการ ส่งผลให้ราคาที่ดินมีการปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว  โดยราคาที่ดินติดรถไฟฟ้าขยับขึ้นไปถึง 5 แสนบาทต่อตร.ว.แล้ว ส่วนราคาที่ดินไม่ติดรถไฟฟ้าสายสีม่วง อยู่ที่ 3-4 แสนบาทต่อตร.ว.  ขณะที่ราคาขายคอนโดมิเนียม ในย่านนี้ปรับขึ้นเช่นเดียวกัน คอนโดเปิดใหม่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2-1.3 แสนบาทต่อตร.ม.
นายอุทัย กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 8-9% โดยได้รับอานิสงส์จากการภาพรวมเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้น คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ(จีดีพี) จะขยายตัวมากกว่า 4% จากปีที่ผ่านมาที่ขยายตัว 3.9% ปัจจัยบวกหลากหลาย ทั้งการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้น การท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนและชาติอื่นเข้ามามากขึ้น ด้านแนวโน้มราคาพืชผลทางการเกษตรยังทรง ๆ แต่มีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่การลงทุนภาครัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐานและการเดินหน้าโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีความชัดเจน
จะทำให้เอกชนมีความเชื่อมั่นลงทุน และมีเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคดีตามมา
 ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายคอนโดมิเนียมที่ 30,000 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ 8,000 ล้านบาท โดยมียอดขายที่รอรับรู้รายได้(แบ็คล็อก) ภายใน 3 ปี 41,300 ล้านบาท