แสนสิริ อัดฟีเจอร์สุดล้ำอัพเกรดแอพพลิเคชั่น Home Service สู่เวอร์ชั่น 2018 ประเดิมครั้งแรกของวงการฯ กับระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย พร้อมด้วย E-Wallet และโปรโมชั่นจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำเอาใจลูกบ้านยุคดิจิทัล ให้ทุกเรื่องที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องง่ายจบในแอพเดียว ตั้งเป้าเพิ่มผู้ใช้งาน 50,000 รายในปีนี้

 

แสนสิริ เปิดตัว Home Service Application เวอร์ชั่น 2018 โมบายแอพพลิเคชั่นสำหรับลูกบ้าน ที่อัพเกรดไปอีกขั้นโดยสิริ เวนเจอร์ส ให้ทุกเรื่องที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องง่ายและจบในแอพเดียว ควบคุมและสั่งการได้สะดวกสบายเสมือนเป็นรีโมท ด้วยแพล็ตฟอร์มเว็บเซอร์วิสเทคโนโลยีระดับโลกจาก Amazon AWS, Microsoft และ Google พร้อมเขย่าวงการ PropTech ด้วยการเปิดตัวฟังก์ชั่นสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยใช้งานได้จริงแล้ววันนี้เป็นรายแรกของประเทศไทย และฟังก์ชั่น E-Wallet ฝังในแอพรองรับไลฟ์สไตล์จับจ่ายออนไลน์พร้อมใช้ในไตรมาสที่ 3 พร้อมผนึกกำลังพาร์ทเนอร์ชั้นนำที่มาร่วมยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตในทุกวันให้ง่ายยิ่งขึ้น อาทิ อัพเกรดฟังก์ชั่นการแต่งห้องที่มาพร้อมข้อเสนอโดนใจร่วมกับ SB Furniture เพิ่มฟังก์ชั่นสั่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าออนไลน์ดีลพิเศษจาก Samsung วัสดุก่อสร้างและตกแต่งจาก SCG  บริการสั่งซื้อน้ำดื่ม Sprinkle ในราคาพิเศษพร้อมส่งถึงที่สำหรับโครงการในกรุงเทพ และบริการเครื่องซักผ้าพร้อมระบบติดตามสถานะจาก Trendy Wash  รวมถึงมีแผนพัฒนาต่อยอดฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเติมในระยะยาว มั่นใจ Home Service เวอร์ชั่น 2018  จะช่วยเสริมความแกร่งของแสนสิริในฐานะผู้นำทั้งด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาตรฐานระดับโลก และการใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในทุกมิติ

ดร. ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
“แสนสิรินับเป็นบริษัทอสังหาฯ รายแรกในไทยที่พัฒนาแอพ Home Service สำหรับลูกบ้านแบบครบวงจร และล่าสุดเราพัฒนาไปอีกขั้นสู่ Home Service เวอร์ชั่น 2018  สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแสนสิริในการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งด้วยแนวคิดที่เน้นความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ในการอยู่อาศัย ผ่านการดูแลลูกบ้านตั้งแต่วินาทีแรกที่ตัดสินใจเป็นครอบครัวแสนสิริ เริ่มตั้งแต่ก่อนโอนไปจนถึงเข้าอยู่ ด้วยบริการและฟังก์ชั่นที่อำนวยความสะดวกในทุกมิติของการใช้ชีวิตประจำวันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในแวดวงอสังหาฯ ไทย หลังจากเริ่มเปิดตัวในปี 2555 ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากลูกบ้าน จากจำนวนผู้ใช้หลักร้อยก็ได้เพิ่มเป็นหลักหมื่นอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงสามปี โดยปัจจุบัน มีผู้ใช้ถึงกว่า 15,000 คนใน 154 โครงการ 52,000 ยูนิต ทั่วประเทศ และเพื่อสร้างความพึงพอใจยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้งาน รวมถึงดึงดูดกลุ่มผู้ใช้งานใหม่ ๆ สู่เป้าหมายการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานเป็น 50,000 รายภายในปี 2561 เราจึงอัพเกรด Home Service ให้ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ด้วยคอนเซ็ปท์ An all-in-one app to complete your everyday living experience เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ ๆ และรองรับเทรนด์ e-Commerce Lifestyle ของผู้บริโภค โดยแอพ Home Service จะเป็น Living Experience Toolkit เปรียบเสมือนรีโมทในมือพวกเขาที่สามารถควบคุมสั่งการได้ง่าย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายของการใช้ชีวิตลูกค้าแสนสิริ ให้สะดวกครบทุกเรื่องบ้าน”

โมบายแอพพลิเคชั่น Home Service รองรับการใช้งาน 2  ช่องทาง คืออุปกรณ์สื่อสารระบบปฏิบัติการ iOS และ Android  และจะพัฒนาไปสู่ Home Service Platform ที่ให้บริการอยู่บนอุปกรณ์อื่นๆ อาทิ Smart Speaker, Smart Display, Wear OS เป็นต้น และสามารถใช้งานได้ถึง 5 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย อังกฤษ จีนกลาง จีนกวางตุ้ง และญี่ปุ่น เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นที่หลากหลาย อำนวยความสะดวกในทุกมิติของการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ การติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการ รวบรวมเอกสารและข้อมูลการโอนต่างๆ บริการแจ้งเตือนจดหมายและพัสดุอัตโนมัติ บริการแจ้งยอดชำระค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ บริการรับแจ้งซ่อมแซมตลอด 24 ชั่วโมงที่สามารถติดตามตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินการได้ ระบบสั่งจองการใช้บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ  ระบบกล่องรับความคิดเห็น และ  QR Code ที่สามารถใช้ยืนยันตัวตนการเข้าใช้บริการที่แสนสิริ เล้าจน์ตลอดจนมีการพัฒนาต่อยอดฟังก์ชั่นต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง

นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า “การยกระดับแอพ Home Service เกิดขึ้นโดยอาศัย 4 แนวคิดหลัก คือ Convenience: ใช้งานง่ายขึ้นสะดวกขึ้นสำหรับผู้ใช้งานทุกเจเนอเรชั่น ด้วยการออกแบบ User Experience (UX) ที่สามารถอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานได้มากที่สุด Cover: ขยายขอบข่ายความสามารถของแอพให้กลายเป็น lifestyle application เป็นทุกอย่างเพื่อการอยู่อาศัยของลูกบ้าน ตั้งแต่เรื่องการซื้อของ แต่งบ้าน งานบ้าน ฯลฯ Customize: คัดสรรการแสดงผลข้อมูลที่เหมาะกับผู้ใช้งานแต่ละคน (Tailor made) ทั้งเรื่องของโครงการที่เป็นเจ้าของ และความสนใจ และ Privilege: รวบรวมสิทธิพิเศษเหนือระดับให้กับลูกบ้านแสนสิริโดยเฉพาะ”

Home Service Application เวอร์ชั่น 2018 ได้รับการยกระดับเทคโนโลยีโดยใช้แพล็ตฟอร์ม Cloud เว็บเซอร์วิส ของ Amazon (AWS) ที่มี Azure App Insights ของ Microsoft คอยมอนิเตอร์การทำงานของ Cloud ที่จะแจ้งเตือนให้ทีมพัฒนารู้ทันทีเมื่อระบบทำงานผิดปกติ พร้อมทำงานร่วมกับ Google Firebase ในการบริหารระบบแจ้งเตือนต่างๆ เช่น ข้อความใหม่ แจ้งเตือนประกาศ แจ้งเตือนเมื่อได้รับพัสดุ และระบบแชทกับนิติบุคคล โดยระบบเซอร์เวอร์ของ Home Service เวอร์ชั่น 2018 หันมาใช้ภาษา Golang ในการพัฒนาซึ่งช่วยให้การทำงานมีความเสถียรและรวดเร็วมากกว่าเดิม พร้อมรองรับการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก รวมทั้งใช้สถาปัตยกรรมของระบบแบบ Hybrid Microservices ในการวางโครงสร้างที่เอื้อให้ผู้พัฒนาสามารถเพิ่มเติมหรืออัพเดทฟังก์ชั่นได้ทันทีโดยไม่ต้องปิดระบบ Core หลักของแอพ ทำให้ลูกบ้านใช้งานได้ต่อเนื่องไม่สะดุด

ทั้งนี้ไฮไลท์ของ Home Service เวอร์ชั่น 2018 พร้อมกับหลากหลายปรากฏการณ์ด้านเทคโนโลยีและสิทธิประโยชน์สำหรับลูกบ้านแสนสิรินั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 แกนหลัก ได้แก่

  • ครั้งแรก ที่สามารถสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย บนแอพในมือถือจากอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ใช้งานได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นการถามค่าใช้จ่าย จองส่วนกลาง สั่งควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน
  • ครั้งแรกกับ E-Wallet ฟังก์ชั่นบนแอพด้านการอยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ e-Commerce Lifestyle ที่จะช่วยให้เรื่องการจ่ายทุกค่าใช้จ่ายเพื่อการอยู่อาศัยง่ายขึ้น สะดวกยิ่งขึ้น ในแอพพลิเคชั่นเดียว ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าส่วนกลาง ค่าผ่อนคอนโด และในอนาคตจะรองรับการซื้อขายสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยระบบ Payment Gateway ที่กำลังอยู่ในระหว่างการวางระบบ พร้อมดึงพันธมิตรร้านค้าชั้นนำต่างๆ มารวมอยู่ใน E-Wallet ซึ่งจะพร้อมเปิดให้ใช้ในไตรมาสที่ 3
  • ครั้งแรกกับการจัดเต็มด้านสิทธิประโยชน์ และบริการเหนือระดับตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกบ้านได้อย่างครบครัน ด้วยการผนึกกำลังจากพันธมิตรชั้นนำจากหลากหลายวงการ อาทิ
  • อัพเกรดฟังก์ชั่นการแต่งห้องจาก SB Furniture ทั้งหมด 2 ส่วน คือ เฟอร์นิเจอร์แพ็กเกจที่แสนสิริออกแบบร่วมกับ SB Furniture ให้ตรงกับแบบแพลนของห้องในโครงการ โดยมีให้เลือกถึง 4 แบบ ซึ่งได้เปิดตัวฟังก์ชั่นนี้ให้กับลูกบ้านโครงการ mori HAUS แล้วและต่อไปจะเริ่มนำมาใช้กับโครงการภายใต้แบรนด์ THE LINE และยังมี เฟอร์นิเจอร์รายชิ้น ที่คัดสรรเข้ามาไว้ในแอพพลิเคชั่น Home Service โดยผู้ออกแบบที่มีชื่อเสียง ให้เหมาะสมกับแต่ละโครงการในสไตล์ต่าง ๆ พร้อมข้อเสนอพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟอื่นๆ อีกมากมาย
  • เพิ่มไอคอน Samsung บนแอพพลิเคชั่น Home Service เพื่อลิงค์ไปสู่ Microsite พิเศษ เพื่อเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า Samsung กว่า 150 รายการด้วยข้อเสนอราคาพิเศษกว่าท้องตลอด พร้อมโปรโมชั่นประจำไตรมาสสำหรับลูกบ้านแสนสิริโดยเฉพาะ
  • เลือกซื้อวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านจาก SCG บนแอพ Home Service พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษพร้อมตัวเลือกบริการติดตั้งถึงที่
  • สำหรับโครงการในกรุงเทพฯ ลูกบ้านสามารถสั่งซื้อน้ำดื่ม Sprinkle ผ่านแอพ Home Service ในราคาพิเศษ พร้อมจัดส่งให้เมื่อสั่งขั้นต่ำเพียง 2 แพค จากปกติที่ต้องสั่ง 10 แพคจึงจะจัดส่ง และยังมี Welcome pack สำหรับลูกบ้านที่โอนโครงการภายในปีนี้อีกด้วย
  • เชื่อมโยงกับ Trendy Wash ระบบตรวจสอบสถานะการซักผ้าของเครื่องซักผ้าภายในโครงการเพื่อตรวจสอบว่าเครื่องว่างพร้อมใช้งานหรือไม่ และระบบใช้เงินดิจิทัลแทนการหยอดเหรียญ พร้อมกับแจ้งเตือนเมื่อเครื่องซักผ้าทำงานเสร็จ ซึ่งนำร่องให้บริการแล้วใน 10 โครงการ ในกลุ่ม D CONDO และ THE LINE และได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า

ร่วมด้วยฟังก์ชั่นใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับสิ่งอำนวยความสะดวกของแต่ละโครงการ อาทิ สิทธิประโยชน์จาก Sansiri Family การควบคุมระบบ Home Automation ระบบตรวจสอบคิวลิฟท์จอดรถอัตโนมัติ ระบบควบคุม Smart Locker ระบบจอง Smart Move หมายเลขโทรศัพท์ที่เป็นประโยชน์รอบ ๆ โครงการ รวมถึงห้องแชทกับนิติบุคคลได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยได้อัพเกรดเทคโนโลยีแชทบอทมาช่วยตอบคำถามในช่วงนอกเวลาทำการ

“โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่น Home Service เวอร์ชั่น 2018 ให้ลูกบ้านแสนสิริได้ทดลองใช้บางฟีเจอร์ มีผู้ดาวน์โหลดไปใช้แล้วกว่า 10,000 ราย และได้มีการรวบรวมคำแนะนำติชมจากลูกค้ามาปรับปรุงระบบอยู่ตลอดเวลา และในอนาคตจะมีการพัฒนาต่อยอดฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจับมือกับพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อมอบข้อเสนอพิเศษให้กับลูกบ้าน การเชื่อมโยงฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ภายในโครงการ อาทิ Video Door Phone การนำเสนอคอนเทนต์ด้านไลฟ์สไตล์ การเพิ่มฟังก์ชั่นระบุพิกัดตำแหน่งในอาคารด้วยเทคโนโลยี iBeacon เลือกซื้อโครงการใหม่ ๆ ในเมนู Online Booking อัพเกรดฟังก์ชั่นบ้านด้วย Home Upgrade Program ระบบนัดหมายแจ้งซ่อมและจองที่นั่งร่วมกิจกรรมโครงการในฟังก์ชั่น E-Appointment + My Calendar รวมทั้ง Rental management ซึ่งเป็นปล่อยเช่าที่ครบวงจร โดยผู้ปล่อยเช่า สามารถดูข้อมูลติดต่อของผู้เช่า กำหนดค่าเช่า เรียกเก็บค่าเช่า ผ่านระบบ e-Wallet และผู้เช่า โดยอนาคตยังมีแผนสร้างการเชื่อมโยงกับภาคการเงินและฟินเทคเพื่อให้บริการต่าง ๆ เช่น การขอสินเชื่อบ้าน การรีไฟแนนซ์ การทำประกันที่อยู่อาศัย ตลอดจนการพัฒนาให้ Home Service เป็น Open Platform ที่สามารถนำไปใช้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น ๆ ได้” นายจิรพัฒน์ กล่าวปิดท้าย

สำหรับลูกบ้านแสนสิริเพียงดาวโหลด Home Service Application เวอร์ชั่น 2018 และลงทะเบียนใช้งานตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2561 ลุ้นรับทันที Samsung Galaxy Note 8 รวมทั้งสิ้น 9 รางวัล (เดือนละ 3 รางวัล)