“อีอีซี” สร้างเมืองใหม่ 5ปี “ศรีราชา” ก้าวสู่มหานครของโลก

“อีอีซี” สร้างเมืองใหม่

5ปี “ศรีราชา”ก้าวสู่มหานครของโลก

โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC) เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ “ไทยแลนด์ 4.0” วันนี้ กำลังกลายเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ทั้งโลกต่างให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในอีอีซี ทั้งบริษัท ฟูจิฟิล์ม สนใจลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเมดิคอล ฮับ หรือศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ บริษัท ลาซาด้า สนใจลงทุนจัดตั้งศูนย์กลางการกระจายสินค้าไปสู่ประเทศในภูมิภาคอาเซียนและประเทศอื่นๆ และบริษัท ซาป สนใจจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงและผลิตอะไหล่เครื่องบิน

ทำให้มีการคาดหมายว่าจากนี้ไปอีกประมาณ 5-10 ปี พื้นที่โครงการอีอีซี โดยเฉพาะศรีราชา ซึ่งมีทั้งด้านอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว สนามบิน และท่าเรือ จะกลายเป็นมหานครของโลก

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC) เป็นอีกหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนประเทศตามยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 โดยรัฐมีการลงทุน5 ปีแรกกว่า 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อยกระดับพื้นที่ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงทรา ให้กลายเป็น “World -Class Economic Zone” ซึ่งจะพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมนิวเอสเคิร์ฟ ควบคู่กับท่องเที่ยวและบริการ อีกทั้งการเชื่อมโยงด้านการขนส่งทั้งทางน้ำ อากาศ จะทำให้พื้นที่อีอีซีกลายเป็น “เมืองใหม่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ” ที่ดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้น

สำหรับการลงทุนใน อีอีซี คาดว่าระยะยาว จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยราว 5% ต่อปี สร้างการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ100,000 อัตราต่อปี สร้างฐานภาษีใหม่ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 10 ล้านคนต่อปี และสร้างฐานรายได้เพิ่มไม่น้อยกว่า 4.5 แสนล้านบาทต่อปี

ขณะที่นายพิทักษ์พงศ์ สันตศิริ ผู้เชี่ยวชาญจากภาคเอกชนที่เข้าร่วมทำงานด้านอีอีซี กล่าวว่า อยู่ระหว่างการออกแบบเพื่อรองรับการพัฒนาในพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา 6,500 ไร่และพื้นที่รัศมีโดยรอบ 30 กิโลเมตร ซึ่งจะแล้วเสร็จปี 2566 ทั้งนี้คาดว่าจะรองรับผู้โดยสาร200 คนต่อปี ส่วนรถไฟความเร็วสูงอยู่ระหว่างทำทีโออาร์ รวมทั้งการขยายท่าเรือแฉลมฉบัง เฟส 3 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโลจิสติกส์ของไทย

ออริจิ้นลงทุนโครงการเพิ่ม 8พันล้าน รับอีอีซี

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ซึ่งจะช่วยยกดับพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้กลายเป็น “World -Class Economic Zone” ขณะเดียวกันการเชื่อม 3 สนามบิน คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา จะผลักดันให้อีอีซีเป็นเมืองการบินที่ใหญ่ในเอเชีย

ทั้งนี้บริษัทได้มีการลงทุนพัฒนาอสังหาฯรูปแบบต่างๆในพื้นที่ชลบุรีและระยองมูลค่ารวมกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท. แบ่งเป็นโครงการในศรีราชา จ.ชลบุรี มูลค่า 10,130 ล้านบาท และใน จ.ระยองประมาณ 2,300 ล้านบาท

สำหรับในศรีราชา บริษัทได้เริ่มพัฒนาไปแล้ว 2 โครงการ ได้แก่

1.โครงการมิกซ์ยูส ภายใต้ชื่อ “ออริจิ้น ดิสทริค แหลมฉบัง-ศรีราชา” มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย คอนโดมิเนียมเคนซิงตัน แหลมฉบัง 1 เคนซิงตัน แหลมฉบัง 2 นอตติ้ง ฮิลล์ แหลมฉบัง โรงแรมฮออลิเดย์ อิน แอนด์ สวีทและคอมมมูนิตี้มอลล์ “พอร์โทเบลโล มอลล์” โดยโครงการคอนโดมิเนียม เคนชิงตัน แหลมฉบัง 1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างทยอยโอนกรรมสิทธิ์ ขณะที่เคนชิงตัน แหลมฉบัง 2 และนอตติ้ง ฮิลล์ แหลมฉบัง อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง

2.โครงการคอนโดมิเนียม “ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ย ศรีราชา”มูลค่า 2,500 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ มียอดขายแล้วกว่า 70% กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯที่ซื้อไว้เพื่อลงทุน  ปล่อยเช่า เนื่องจากตลาดเช่าของศรีราชามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้เช่าชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม เพราะศรีราชาไม่ไกลจากนิคมอุตสาหกรรมทำให้การเดินทางสะดวก ส่งผลให้ศรีราชาเป็นตลาดเช่าที่สำคัญ ขณะที่อัตราค่าเช่าค่อนข้างสูงคือประมาณกว่า 30,000 บาทต่อเดือน

“ปัจจุบัน ศรีราชาถือเป็นทำเลที่โดดเด่นที่สุดในพื้นที่ภาคตะวันออก เป็นเมืองท่าลำดับที่ 22 ของโลกเชื่อมโยงการขนส่งไทยเข้ากับประเทศต่างๆ มีการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่นเข้ามาอย่างต่อเนื่อง      จนถูกขนานนามว่าเป็นลิตเติ้ล โอซาก้า ในอนาคตหลังภาครัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการดิจิทัล พาร์คไทยแลนด์ในศรีราชาตามโครงการอีอีซี มีสัญญาณที่ดีว่าจะมีนักลงทุนชาวญี่ปุ่นเข้ามาเพิ่มขึ้น ศรีราชาจะไม่ใช่แค่ลิตเติ้ล โอซาก้า แต่จะกลายเป็น โอซาก้าเมืองไทย” นายพีระพงศ์ กล่าว

อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนเพิ่มการลงทุนในเขตพื้นที่อีอีซีเป็นมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้มีการซื้อที่ดินเพิ่ม4-5 แปลงมูลค่า 500 ล้านบาทในปี2561  สำหรับการลงทุนในปีหน้านั้น บริษัทเตรียมเปิดตัว 3 โครงการมูลค่ารวม 7,000-8,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการมิกซ์ยูส ระยอง โครงการแฮมป์ตันศรีราชา และโรงแรมฮออลิเดย์ อิน แอนด์ สวีท นอกจากนี้ยังมีแผนขยายธุรกิจอสังหาฯโลจิติกส์ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับญีปุ่น มูลค่าการลงทุนราว 500 ล้านบาท

ส่วนช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ เตรียมเปิดตัวบ้านแฝด ทำเลหนามแดง เทพารักษ์ มูลค่าราว 800 ล้านบาท พื้นที่ 20ไร่ จำนวน 150ยูนิต ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท ในช่วงกลางเดือนพ.ย.นี้ และโครงการคอนโดบีลอฟท์ ทำเลแบริ่ง จำนวน 200 ยูนิต ราคาขาย 1-2 ล้านบาท ส่วน 9 เดือนมียอดขาย 11,000 ล้านบาท จากเป้าหมาย 14,000 ล้านบาท