“อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน” ชวนคุณย้อนวันวานไปกับ “สายลมแห่งกาลเวลา”

อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน” ชวนคุณย้อนวันวานไปกับ “สายลมแห่งกาลเวลา” ย้อนอดีตสู่ยุครุ่มรวยของเมืองตากอากาศแห่งศตวรรษอย่างหัวหิน ฟังเรื่องเล่าผ่านของว่างรสเลิศ ที่มาพร้อมกับ Tea Pairing Experience ร่วมสนุกไปกับกิจกรรม Elite Playground และดนตรีร่วมสมัยบน Floating Stage เดือน ต.ค. –  พ.ย. นี้ เผยจุดเด่นโครงการ ให้ความเป็นส่วนตัว ครบทุกฟังก์ชันการใช้งาน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์ไตล์การอยู่อาศัย
 

“พราว เรียลเอสเตท” เปิดตัวกิจกรรมแห่งปี “สายลมแห่งกาลเวลา” พารำลึกถึงเส้นทางอดีตอันงดงามของ “หัวหิน” เมืองตากอากาศขึ้นชื่อของไทย กับสถาปัตยกรรมยุคโคโลเนียล ที่มาการออกแบบโครงการ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน” คงกลิ่นอายความคลาสสิคดั้งเดิม ผสมผสานกับความร่วมสมัย มอบประสบการณ์ระดับลักชัวรี่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์ไตล์การอยู่อาศัย ชวนลูกค้าเข้าร่วมกิจกรรมทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดยาว ตั้งแต่  10 ต.ค. ถึง  1 พ.ย. นี้

คุณพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว และผู้ที่กำลังมองหาที่พักอาศัยในเมือง “หัวหิน” โครงการ “อินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท” คอนโดระดับลักชัวรี่ ภายใต้แบรนด์ “อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล กรุ๊ป” เตรียมจัดกิจกรรมแห่งปี “สายลมแห่งกาลเวลา” พาทุกคนย้อนเวลาเพื่อสัมผัสกับเรื่องราวของแรงบันดาลใจที่มาจากประวัติศาสตร์ของ “หัวหิน” เมืองตากอากาศแห่งศตวรรษ สถานที่ตากอากาศยอดนิยมของคนไทย ที่อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่บรรดาขุนนางในยุคก่อน ด้วยชายหาดอันสวยงาม บรรยากาศที่เงียบสงบ เรียงรายด้วยบ้านพักเก่าแก่ที่มีอายุนับศตวรรษ สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน ผู้ร่วมงานจะได้หวนรำลึกถึงเส้นทางอดีตอันงดงามของหัวหิน พร้อมกับสัมผัส สายลม อันเป็นสัญลักษณ์ คู่กับเมืองตากอากาศแห่งนี้มาทุกยุคทุกสมัย

นอกจากนี้ คุณพราวพุธยังได้เผยถึงที่มาของการทำ InterContinental Residneces ในครั้งนี้ว่าเป็นความตั้งใจที่จะสานต่อตำนานของหัวหิน   โดยการพัฒนารูปแบบ Vacation home  ในลักษณะที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน​ โดยดึง  InterContinental Hotel Group  แบรนด์โรงแรมลักซ์ชัวรี่ระดับโลกร่วมมอบการบริการ เพื่อมอบการใช้ชีวิตที่เหนือกว่า “ที่ดินแปลงนี้เป็นแปลงที่สวยที่สุดในหัวหิน ที่เหลืออยู่ผืนสุดท้าย เสมือนกับได้รับมรดกอันมีค่ามา จึงตั้งใจจะทำอะไรที่จะเป็น legacy ที่ทุกคนสามารถส่งต่อให้กับรุ่นต่อไปได้ “ ซึ่งในการเลือกทีมที่จะมาร่วมออกแบบโครงการในครั้งนี้ ได้คัดสรรผู้ที่ความเข้าใจเกี่ยวกับเสน่ห์ของหัวหิน บริษัท โซดา (ประเทศไทย) จำกัด ดูแลเรื่องการออกแบบสถาปัตยกรรม บริษัท พี อินทีเรียร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ หรือ PIA ดูแลเรื่องการออกแบบภายใน และบริษัท พี แลนด์สเคป จำกัด หรือ P LANDSCAPE ดูแลเรื่องการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม นำเสนอ คอนเซ็ปท์ Colonial with a modern twist ที่ดึงแรงบันดาลใจจากบ้าน ของเหล่าคหบดี ในสมัยนั้น ที่มีความสง่างามแต่ยังคงไว้ซึ่ง ความเป็นส่วนตัวที่เหมาะกับการพักร้อน  มาผสมผสานกับความร่วมสมัย เสริมไปด้วยการบริการระดับโลก รวมไปถึงเราให้ความสำคัญของการอยู่อาศัยร่วมกันของครอบครัวเป็นพิเศษ จึงได้ออกแบบห้องพักเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกครอบครัว โดยเฉพาะห้อง 1 ห้องนอนขนาด 45 ตารางเมตร ถ้าเทียบกับโครงการในกรุงเทพฯถือว่าเป็น 1 ห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ เพียงพอสำหรับ Nuclear Family ประกอบกับทำเลของโครงการที่ตั้ง ทำเลติดชายหาดใจกลางเมือง แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และราคาจับต้องได้ 7.89 ล้านบาท ทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ไม่ยาก    

 

มร.สตีเฟน โอเดล (Stephen O’Dell) ผู้อำนวยการ บริษัท โซดา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การออกแบบโครงการนี้ได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ของหัวหิน หากไปดูบ้านสมัยก่อนจะเห็นได้ว่ามีใต้ถุนสูง และด้านบนเป็นระเบียงเปิดโล่ง รับลมและแสง แต่มีระแนงไม้ หรือ louvre สำหรับกันแดด และรักษาความเป็นส่วนตัว

ความพิเศษอีกประการ คือ การออกแบบ Master Plan ที่เป็นรูปตัว U เพื่อรับลมและวิวทะเลได้อย่างเต็มที่ โดยพื้นที่ 80% ของโครงการเป็นห้องแบบเป็นเห็นวิวทะเล (Seaview) การออกแบบห้องพักอาศัยแบบ Single Corridor เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักอาศัย ทำให้แต่ละห้องมีระเบียงไม่ชนกัน สามารถรับชมวิวได้อย่างเป็นส่วนตัวสูงสุด แม้กระทั่งห้องมุมนอก ซึ่งถือว่าเป็นห้อง “เริ่มต้น” ของโครงการก็ยังมีลักษณะพิเศษซึ่งคือ ระบบกระจกสองชั้น ที่สามารถทำให้ทั้งห้องนั่งเล่น และห้องนอนสามารถกลายเป็นระเบียงขนาดใหญ่ได้ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่ นอกเหนือจากนี้ ยังสามารถเห็นวิวทะเลได้ แสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถันของการออกแบบ ที่ทำให้ห้องทุกมีเสน่ห์เฉพาะตัว

ด้านคุณภฤศธร สกุลไทย ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ บริษัท พี อินทีเรียร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ หรือ PIA กล่าวว่า การออกแบบห้องพักได้นึกถึงสถาปัตยกรรมของหัวหิน ให้ full function มากที่สุด โดยยังคงกลิ่นอายความเป็นอดีตของหัวหินไว้ เน้นความอยู่สบาย

การออกแบบห้องพักในโครงการ ชูจุดเด่นในเรื่องของความหรูหรา และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย ตั้งแต่ครอบครัวขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่ โดยห้องทุกขนาดมีการออกแบบพื้นที่ที่ใช้งานได้จริง โดยเฉพาะห้องขนาด 45 ตางรางเมตร one bed room มีความหรูหรา ในราคาที่จับต้องได้ พร้อมห้องวิวทะเล (Seaview) การออกแบบพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานในห้องที่ลงตัว เหมาะกับการที่พักอาศัยสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก จุดเด่นของการออกแบบ มีการแบ่งพื้นที่ห้องนั่งเล่น กับห้องนอนโดย ใช้ประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ เพื่อให้พื้นที่ห้องนั่งกับห้องนอนดูเชื่อมต่อกันมากที่สุด กลายเป็น Living room ขนาดใหญ่ รับอากาศบริสุทธิ์ สามารถนั่งทำงานได้โดยไม่ต้องเปิดแอร์ ส่วนการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ ได้ใช้หวายเทียมแทนหวายจริง เพื่อให้เกิดความคงทนต่อการใช้งาน และดูแลรักษาง่าย และใส่วนระเบียงห้องพัก มีระเบียงที่ใหญ่ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้เวลากับ outdoor space รับลมทะเลได้เต็มที่แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวได้เต็มที่ บานเลื่อนขนาดใหญ่เพื่อเชื่อมต่อระหว่างระเบียงกับห้องนั่งเล่น

อีกความพิเศษในการออกแบบคือ ห้อง Gameroom และห้องสมุด ซึ่งได้แนวคิดมาจาก Drawing room สมัยก่อน แต่มีการปรับให้ เข้ากับ New normal เพิ่มพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการพบปะ การประชุม หรือนั่งเล่น และใช้เวลากับครอบครัว นอกจากนี้ ในส่วนของ Beach Pavilion ได้ออกแบบสำหรับรับรองแขกหรือจัดงาน หรือสามารถใช้สำหรับการพักผ่อน อ่านหนังสือ และมุมของ wine & coffee bar รองรับทั้งการเปิดแอร์ และเปิดรับลมธรรมชาติ

ด้านคุณอรุณ อรุณเมฆินทร์ Junior Design Associate จากบริษัท พี แลนด์สเคป จำกัด กล่าวว่า การออกแบบใช้แนวคิด Outdoor living ผสมผสานกับการใช้ชีวิตของสมัยก่อน ที่สวนไม่ได้เป็นแค่สวน แต่เป็นส่วนสำคัญของการดำรงชีวิต ซึ่งโปรเจ็กต์นี้ที่สำคัญที่สุดคือการที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ติดกับน้ำไม่ว่าจะทะเล หรือ สระน้ำ โดยแบ่งออกเป็น 5 โซน

  1. Water Court เรียกได้ว่าเป็น first arrival เพิ่มความสงบที่แตกต่างกับภายนอกของโครงการ พร้อมที่นั่ง ภายใต้ร่มไม้ ซึ่งจะมีการเตรียม USB และ Charging station เพื่อให้สามารถกลายเป็น outdoor office อีกด้วย
  2. Hidden Chambers เกาะกลางน้ำที่มีความเป็นส่วนตัว มาพร้อมกับ Hidden Gym (ห้องออกกำลังกายใต้น้ำ) และ Hidden Courtyard เพื่อการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบในทุกๆวัน
  3. Celebration of water หรือ Pools for all generations ที่เน้นสระและมีพื้นที่น้ำมากกว่า 2,000 ตารางเมตร และมีให้ถึง 7 สระ เช่น สระกิจกรรมสำหรับครอบครัว, สระเด็ก, สระสำหรับผ่อนคลายที่มาพร้อมกับ swim jet และสระระบบ hydraulic รองรับการอยู่อาศัยแบบ Multigenerational living
  4. Heritage tree ตรงโซนนี้เราออกแบบเป็น Tamarind theater และได้อนุรักษ์คุณปู่ต้นมะขามทั้ง 3 ต้นที่มีอายุกว่า 80 ปีเอาไว้ เพื่อให้เป็นหัวใจของโครงการ
  5. Breeze of the East พื้นที่แห่งการพักผ่อนรับลมทะเล ได้แก่ beach front pool ที่มีขอบใสและจากุซซี่ริมหาด มาพร้อมกับชายหาดส่วนตัว

นางสาวพราวพุธ กล่าวปิดท้ายว่ากิจกรรม “สายลม…แห่งกาลเวลา” เป็นกิจกรรมที่จะพาเราย้อนระลึกไปถึงอดีตด้วยกัน นอกจากสถานที่ต่างๆ พร้อมสัมผัสประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้ผ่านกิจกรรมเดินชมบ้านโบราณ  ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของ Sales Gallery  ของโครงการ InterContinental Residences Hua Hin และ 111 Social club ถือเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวของประวัติศาสตร์นี้เช่นเดียวกัน ทุกคนจะได้สัมผัสกับเมนูชาวรั้วชาววัง ด้ วย Canapes ไทยสี่ภาคจาก เชฟ Mamadu  Executive Chef, InterContinental Hua Hin Resort ผสมผสานด้วยของเด็ดเมืองหัวหิน อย่าง  ตะโก้ และมะม่วงกวนจากร้านแม่เก็บ ข้าวเหนียวมูลจากร้านป้าเจือ และขนมบ้าบิ่นจากร้านแม่นงนุช  ที่จับคู่กับชาจากชั้นเลิศจาก TWG Tea โดยจะมี Tea Master คอยให้คำแนะนำในการจับคู่ชากับขนมไทยเพื่อเพิ่มอรรถรสในการทานของว่างยามบ่าย สัมผัสกับกลิ่นอายของหัวหินในอดีต กับ Kinetic Installation ที่สะท้อนเรื่องเล่าของลมทะเลในสมัยก่อนที่ได้ชื่อว่าเป็นสายลมเยียวยาความเจ็บป่วย และเพลิดเพลินไปกับดนตรียุคสวิง ร่วมสมัยที่จะเล่นจาก workshop วาดภาพริมทะเล และอื่นๆอีกมากมาย

ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาสัมผัสประสบการณ์การตากอากาศ ด้วยสายลมเยียวยา หรือชมห้องตัวอย่างของโครงการ ณ ซอยหัวหิน 71 ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม จนถึง 1 พฤศจิกายน ตลอดทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ และช่วงวันหยุดยาว  หรือเข้าชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.intercontinentalresidenceshuahin.com โทร 02-026-8999  หรือ Line@ Proudrealestate