“ดุสิตธานี”เปิดเกมเจาะตลาดมิลเลนเนียล เปิดตัวแบรนด์ใหม่”อาศัย” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักเดินทาง

ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้บริหารโรงแรมและรีสอร์ทรวม 4 แบรนด์  คือ ดุสิตธานี ดุสิตดีทู ดุสิตปริ๊นเซส และดุสิตเดวาราณา โดยมีโรงแรมที่เปิดให้บริการ ครอบคลุมตลาดทั้งระดับบนและระดับกลาง จำนวนทั้งสิ้น 27 แห่ง  และก้าวรุกสำคัญ เตรียมเปิดให้บริการเพิ่มอีกกว่า 70 แห่งทั่วโลกภายในอีก 4 ปีข้างหน้า   การประกาศเปิดแบรนด์ใหม่ “อาศัย” นับเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้เร็วขึ้น

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล (DTC) กล่าวถึงแผนธุรกิจในปี 2561ว่า กลุ่มดุสิตธานีด กำลังอยู่ในช่วงการเติบโตที่สำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ ซึ่งในปัจจุบันมีโรงแรมที่เปิดให้บริการภายใต้แบรนด์ดุสิต ได้แก่ ดุสิตธานี ดุสิตดีทู ดุสิตปริ๊นเซส และดุสิตเดวาราณา  ที่ครอบคลุมตลาดทั้งระดับบนและระดับกลาง จำนวนทั้งสิ้น 27 แห่ง และเตรียมเปิดให้บริการเพิ่มอีกกว่า 70 แห่งทั่วโลกภายใน 4 ปีข้างหน้า

ดังนั้น เดินหน้าขยายการเติบโตของธุรกิจหลักด้วยการเปิดตัวแบรนด์กลุ่มโรงแรมใหม่ ภายใต้ชื่อ ‘อาศัย’ (ASAI)  ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างความแข็งแกร่งและผลตอบแทนที่ดีให้กับกลุ่มดุสิตธานีในระยะยาว ผ่านการดำเนินการ 3 ด้าน คือ การขยายการเติบโตของธุรกิจหลัก  การสร้างความสมดุลของธุรกิจ และการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน

ซึ่ง “อาศัย”เป็นแบรนด์ใหม่ ที่จะมาเสริมศักยภาพทางธุรกิจของเราให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่กว้างกว่าเดิม และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนดุสิตสู่เป้าหมายที่ได้วางเอาไว้

โรงแรมอาศัยแห่งแรกจะตั้งอยู่บนทำเลใจกลางตลาดนัดสวนจตุจักร แหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณช่วงไตรมาส 1  ปี 2562 นอกจากโรงแรมอาศัย จตุจักรแล้ว อาศัย โฮลดิ้งส์ จะดำเนินการบริหารกลุ่มโรงแรมแบรนด์อาศัย อีก 5 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรมอาศัย 3 แห่งในประเทศฟิลิปปินส์ และอีก 1 แห่งในประเทศเมียนมาร์ รวมถึงโรงแรมอาศัยในย่านสาทร กรุงเทพฯซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าจะให้บริการได้ในปี 2562

เราเชื่อมั่นว่า แบรนด์อาศัยจะเป็นอีกช่องทางในการสร้างรายได้เพิ่มให้กับกลุ่มดุสิตธานี ด้วยตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์ ที่มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์แบบมิลเลนเนียล ซึ่งเป็นคนชื่นชอบการเดินทาง ใช้ชีวิตแบบไม่ยึดติดกับกรอบแบบเดิมๆ และเสาะหาประสบการณ์เที่ยวแบบคนในท้องถิ่น ซึ่งกลุ่มนี้จะเดินทางมากกว่า 190 ล้านครั้งต่อปี ซึ่งคิดเป็น 20% ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งตัวเลขของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ คาดจะเพิ่มเป็น 300 ล้านครั้งต่อปีภายในปี 2020  ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของแบรนด์อาศัยที่กลุ่มดุสิตตั้งใจให้เป็น” ศุภจีกล่าว

ด้านนายศิรเดช โทณวณิก กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาศัย โฮลดิ้งส์ จำกัด เล่าถึงที่มาของการพัฒนาแบรนด์อาศัยว่า “เรานำแรงบันดาลใจจากการอยู่ร่วมกับชุมชนและการสร้างความยั่งยืนมาสร้างแบรนด์ใหม่ที่นำจุดแข็งของเครือดุสิตที่มีประสบการณ์บริหารธุรกิจโรงแรมมากว่า 70 ปีมาต่อยอดเป็นโรงแรมแนวคิดใหม่ที่จะมาตอบโจทย์ของกลุ่มนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสและเข้าถึงการเที่ยวแบบคนท้องที่ในแต่ละเมืองที่ไปเยือน อีกทั้งคนกลุ่มนี้ยังคำนึงถึงความคุ้มค่าของราคากับคุณภาพอย่างมากด้วย

“อาศัย เป็นแบรนด์กลุ่มโรงแรมไลฟ์สไตล์ในราคาที่จับต้องได้ สำหรับนักเดินทางที่มองหาประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากกรอบแบบเดิมๆ และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับแต่ละคน ซึ่งเรามั่นใจว่า การจับมือร่วมงานกับช่างฝีมือท้องถิ่นในการออกแบบโรงแรมอาศัยในแต่ละทำเลจะสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำให้กับแขกที่เข้าพักตามสโลแกน ‘Live Local’ ของเรา” นายศิรเดชกล่าว

รูปแบบการให้บริการของกลุ่มโรงแรมอาศัย จะแตกต่างออกไปจากกรอบให้บริการรูปแบบเดิมๆ ของโรงแรม โดยนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกและเและช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ในการจองและการเข้าพัก อาทิ การเช็คอินด้วยตัวเองที่ตู้บริการอัตโนมัติ บริการคู่มือท่องเที่ยวออนไลน์แบบพิเศษที่ให้ข้อมูลแขกของอาศัยเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมที่มีแต่เฉพาะคนท้องถิ่นเท่านั้นที่รู้จัก หรือสถานที่ที่เหมาะกับการเป็นจุดถ่ายรูปเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในโซเชียลมีเดีย  รวมถึงยังมีการลิงค์เข้ากับไกด์ท้องถิ่นเพื่อพาไปเปิดประสบการณ์แปลกใหม่

ปรัชญาในการสร้างแบรนด์อาศัย ประกอบด้วย Thoughtful Essentials การออกแบบพื้นที่ใช้สอยด้วยความใส่ใจในรายละเอียดLocally-inspired การออกแบบที่ผสานเอกลักษณ์และเสน่ห์เฉพาะตัวในท้องถิ่นของแต่ละที่ Common Areas การจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางภายในโรงแรมสำหรับให้ผู้คนมาพบปะแลกเปลี่ยนไอเดียและประสบการณ์ และConnected Community การเชื่อมโยงวัฒนธรรมที่แตกต่างของนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้     ซึ่งจากปรัชญาในข้างต้น โรงแรมอาศัยทุกแห่งจึงมีห้องพักที่ได้รับการตกแต่งในสไตล์ร่วมสมัยขนาดกะทัดรัด (ประมาณ 15 ตร.ม). แต่พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับคุณภาพ เช่น เตียงนอนคุณภาพสูง หรือ ฝักบัวอาบน้ำแรงดันสูง  นอกจากนี้ โรงแรมยังให้ความสำคัญกับที่พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ที่แขกผู้เข้าพักจะสามารถมีมุมพักผ่อน พูดคุย เล่นเกม หรือทำงานได้เต็มที่   รวมถึงร้านอาหารที่รังสรรเมนูโดยเชฟชื่อดังในท้องถิ่นที่ให้ความใส่ใจกับการปรุงอาหารด้วยความรับผิดชอบเพื่อสนับสนุนความยั่งยืน

ทั้งนี้ อาศัย โฮลดิ้งส์ ยังมีแผนจะขยายจำนวนโรงแรมอาศัยเพิ่มเป็น 10 แห่งภายในปี 2561 นี้ โดยเล็งที่จะขยายไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศญี่ปุ่นภายใต้รูปแบบบริษัทร่วมทุนและสัญญารับจ้างบริหารงาน