“วริษา ภาสกรนที”ทายาท “ตัน” รับไม้ต่อธุรกิจอสังหาฯไม่ยึดติดกรอบเดิมๆ

“วริษา ภาสกรนที”ทายาท “ตัน”

รับไม้ต่อธุรกิจอสังหาฯไม่ยึดติดกรอบเดิมๆ

  
“ตัน ภาสกรนที” ถือว่าเป็นเจ้าพ่อชาเขียว เป็นนักธุรกิจที่มีหลักแนวคิดธุรกิจที่ไม่เหมือนใคร ไม่ยึดติดในความคิดเก่าๆ  พยายามคิดนอกกรอบ  ถ้ามองย้อนไปจนถึงวันนี้ ทั้งธุรกิจชาเขียว  ธุรกิจอาหารบุฟเฟ่  และอีกมากมาย  รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในวงการอสังหาฯ ชื่อของ “ตัน” เป็นรู้จักเป็นอย่างดีในฐานะนักซื้อและขายที่ดิน จึงไม่แปลกที่จะมี แลนด์แบงก์สะสมในทำเลเด่น อย่าง “ทองหล่อ” นับรวมเกือบ 20 ไร่  และมีที่ดินสะสมอยู่ในอีกหลายจังหวัด
ในวันนี้ “ตัน” ได้ส่งไม้ต่อให้ทายาทลูกสาวคนโต “วริษา ภาสกรนที” เข้ามาดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด ภายใต้บริษัท ตัน อิง แอสเซ็ท จำกัด   วริษา เล่าว่า โดยส่วนตัวแล้วชอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาก และติดตามคุณพ่อไปทุกที่ตั้งแต่เด็ก  มองว่าอสังหาฯ เป็นธุรกิจมีมนต์เสน่ห์ เริ่มจากเป็นผืนที่ดินจนกระทั่งก่อสร้างออกมาเป็นอาคาร นำมาสู่ความภูมิใจของผู้พัฒนา
สำหรับ วริษา เข้าสู่วงการอสังหาฯ ด้วยโครงการแรก จากการนำที่ดินสะสมของครอบครัวมานานแล้ว บริเวณปากซอยทองหล่อ ทำเลย่านธุรกิจชั้นนำของกรุงเทพฯ  มาพัฒนาโครงการชื่อ “T-ONE ” อาคารสำนักงานเกรดเอ  และ Co-Working Space ระดับพรีเมียมแห่งเดียวในทำเลทองหล่อ-สุขุมวิท
ด้วยโจทย์ท้าทาย การวางคอนเซ็ปท์แตกต่างจากอาคารสำนักงานอื่นๆ  มีการทำรีเสิร์ซ และทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อตอบโจทย์นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีความกล้าแตกต่าง ไม่ชอบอะไรที่เป็นแพทเทิร์น ที่มีกรอบ  ทั้งด้านดีไซน์ ฟังก์ชั่น เพราะพฤติกรรมผู้เช่าปัจจุบันไม่ได้มองเฉพาะอาคารที่ตอบสนองในแง่ของการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันภาพลักษณ์ทำเลส่งผลต่อการตัดสินใจ ผู้ประกอบการ Gen-y ยุคใหม่กล้าที่จะแตกต่าง ซึ่งให้ความ สำคัญกับลูกลักษณ์ของอาคารทั้งภายนอกและภายในที่ทันสมัย สะท้อนถึงภาพลักษณ์ธุรกิจของผู้เช่า  อาคารด้วยรูปทรงสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย ภายใต้แนวคิด THE NEW AGE OF ELITE TERRITORY CBD OFFICE BUILDING  นำเสนอความเหนือธรรมดา ที่ผู้เช่าสามารถสร้างสรรค์ พื้นที่ทำงานแบบไม่ติดกรอบเดิมๆ เหมาะสำหรับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ให้ ความสำคัญกับภาพลักษณ์ทันสมัย นำเทรนด์  และบาลานซ์ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวอย่างมีสไตล์
“โครงการ T-ONE ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 40 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อประมาณ 270 เมตร บนพื้นที่ 2-3-36
ไร่ พัฒนาเป็นอาคารสูง 34 ชั้น พื้นที่ก่อสร้าง 43,700 ตารางเมตร เป็นพื้นที่เช่าประมาณ 20,000 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าที่ดินประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ซื้อมาเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ส่วนอีก 2,000 ล้านบาท เป็นค่าก่อสร้าง   คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3 ปี 2561
เธอบอกว่า T-ONE  ยังโดดเด่นรูปทรงสถาปัตยกรรมใช้ลูกเล่นทวิสต์ตัวโครงสร้างอาคารเมื่อผิวกระจกสีฟ้าและทองสะท้อน กับแสงแดดให้ความรู้สึกเหมือนคริสตัลบอล เมื่อมองเข้าอาคารทั้ง 4 ด้านจะเห็นรูปทรงตึกแตกต่างกันไป สะท้อนบุคลิกผู้เช่ากลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจคลื่นลูกใหม่ นักธุรกิจรุ่นใหม่  ที่ให้ความสำคัญทั้งการทำงาน และการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์  ไม่ชอบการใช้ชีวิตในกรอบ
ดังนั้นโครงการ T-ONE  จึงออกแบบพื้นที่ให้เต็มไปด้วยแนวคิดครีเอทีฟ สเปซ เพื่อกระตุ้นไอเดียใหม่ๆ  ให้เกิด
ขึ้นตลอดเวลา  เราให้ความสำคัญกับระบบอำนวยความสะดวกในอาคาร ทั้งระบบรักษาความปลอดภัย  การลงทุนเชื่อมต่อทางเข้าบีทีเอสทองหล่อตรงเข้าสู่ตัวอาคาร ระบบจอดรถที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะตอบโจทย์ผู้ประกอบการธุรกิจรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี
สำหรับพื้นที่พร้อมพงษ์ เชื่อมต่อ ทองหล่อ  จัดเป็นย่านไลฟ์สไตล์ที่ดีที่สุด ประกอบไปด้วย ห้างพรีเมี่ยมขนาดใหญ่
(The Emporium และ The Emquartier) เต็มไปด้วย community mall ร้านอาหารมีสไตล์ โรงพยาบาลชั้นนำ โรงเรียนนานาชาติ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ครบทุกสิ่งในการใช้ชีวิต ทำให้ทำเลนี้เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ ที่เข้ามาพักอาศัยระยะยาวในกรุงเทพ   ส่งผลให้ศักยภาพของอาคารสำนักงานบนถนนสุขุมวิทเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็นไพร์มโลเคชั่นที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ
เธอมั่นใจว่า โครงการ T-ONE  ประสบความสำเร็จแห่งหนึ่งในประเทศไทย จัดเป็นการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ผืน
สุดท้ายบริเวณทองหล่อในขณะนี้ เมื่อพัฒนาเป็นโครงการสำนักงานเกรดเอ ที่มีสถานี BTS ทองหล่อเชื่อมตรงเข้าตัวอาคาร ” นอกจากโครงการ T-ONE แล้ว บริษัทยังอยู่ระหว่างพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ที่ จ.เชียงใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปีหน้า หากประสบความสำเร็จบริษัทก็พร้อมที่จะพัฒนาโครงการในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีที่ดินแลนด์แบงก์อยู่หลายแปลง โดยแปลงที่มีศักยภาพพร้อมจะนำมาพัฒนา อาทิ ที่ดินขนาด 30-40 ไร่ ในศรีราชา โดยจะนำมาพัฒนาในอนาคต” วริษา กล่าวทิ้งท้าย

บทความและเรียบเรียงโดย :  กัญสุชญา สุวรรณคร (บรรณาธิการข่าว PropDNA)