“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” ส่งมอบประสบการณ์ที่อยู่อาศัยของคนยุคใหม่ที่ดีที่สุด ผ่านโมเดล “THE F1RST EXPERIENCE OF LIVING” ดันแผนเชิงรุกเปิดเซกเมนต์ใหม่ มูลค่ารวมกว่าหมื่นล้าน สวนกระแสวิกฤต

“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” ส่งมอบประสบการณ์ที่อยู่อาศัยของคนยุคใหม่ที่ดีที่สุด
ผ่านโมเดล “
THE F1RST EXPERIENCE OF LIVING”
ดันแผนเชิงรุกเปิดเซกเมนต์ใหม่ มูลค่ารวมกว่าหมื่นล้าน สวนกระแสวิกฤต

“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” กางแผนเชิงรุกดันผลงานปี 2565 เติบโตสวนกระแสวิกฤตโควิดและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ชูกลยุทธ์ “THE F1RST EXPERIENCE OF LIVING” “ประสบการณ์ที่อยู่อาศัยใหม่ที่ดีที่สุด” ผ่าน 3 โมเดลหลัก ครีเอทที่อยู่อาศัยในยุคสมัยใหม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกกลุ่มลูกค้า ครึ่งปีหลังเดินหน้าลุยต่อเปิด 4เซกเมนต์ใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 11,000 ล้านบาท ลั่นผลงานทั้งปีแข็งแกร่ง และถือว่าอยู่ในแผนของการสร้างยอดรับรู้รายได้ในอนาคตปี 2566-2567 ตามแผนการเติบโตเป็น 3 เท่า ในระยะเวลาเพียง 2 ปี  ไตรมาส 3-4 เตรียมส่งมอบ 7 โครงการพร้อมอยู่ จ่อรับรู้รายได้กว่า 3,000 ล้านบาท

นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ ALTITUDE’ เปิดเผยว่า มุมมองต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากการที่ไทยสามารถเปิดประเทศได้ ซึ่งคาดว่าจะมีกำลังซื้อจากในประเทศ รวมทั้งต่างประเทศให้กลับเข้ามา และส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น แม้จะมีภาวะของเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นตัวกดดันภาวะเศรษฐกิจ แต่การที่กิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศเริ่มดำเนินการได้ ภาคการท่องเที่ยวและส่งออกเริ่มฟื้นตัวได้ ในช่วงปลายปี 2565 จนถึงตลอดปี 2566 ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยที่ค่อนข้างซบเซาในเวลากว่า 3 ปี ขยับตัวกระเตื้องขึ้นได้บ้าง เช่นเดียวกับตลาดอสังหาริทรัพย์ที่บางเซกเมนต์ กลุ่มลูกค้ายังมีกำลังซื้อและมีดีมานต์ใหม่ ในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะต้องศึกษาตลาดให้ดีและปรับตัวตามรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป

ดังนั้น บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นแผนงานธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับตัวและกลยุทธ์ให้สอดรับกับสถานการณ์และวิถีการใช้ชีวิตและพฤติกรรมของคนในยุคสมัยปัจจุบัน จึงทำให้โครงการของบริษัทฯ ได้ผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้า และส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจของบริษัทให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยในปีนี้ บริษัทฯ เดินหน้าด้วยกลยุทธ์ ภายใต้แนวคิด THE F1RST EXPERIENCE OF LIVING “ประสบการณ์ที่อยู่อาศัยใหม่ที่ดีที่สุด” นับเป็นความตั้งใจของบริษัทฯ ที่ต้องการยกระดับการอยู่อาศัยและส่งเสริมคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น ตั้งแต่การเลือกทำเลที่ดี มีความเป็นส่วนตัวสูง ใกล้รถไฟฟ้าและทางด่วน เพื่อการคมนาคมที่เชื่อมต่อศูนย์กลางธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงออกแบบดีไซน์ฟังก์ชัน ให้รองรับพื้นที่การใช้งานได้จริง สามารถปรับเป็นมุมทำงาน มุมทำกิจกรรมส่วนตัว เพื่อสร้างสรรค์แรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถสร้างอาชีพและสร้างรายได้เสริมได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนการใช้ชีวิตในแต่ละวัน

ทั้งนี้ แนวคิดนี้ถูกแบ่งสัดส่วนออกเป็น 3 โมเดลด้วยกัน ได้แก่ 1. THE F1RST EXPERIENCE อัลติจูดมุ่งมั่นมอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างอย่างดีที่สุด ให้ที่อยู่อาศัยกลายเป็นคอมมูนิตี้เล็ก ๆ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขและรอยยิ้มที่ยิ่งใหญ่ ผ่านกิจกรรมสุดคูล ALTSO l Share to Change (อัลติจูดโซไซตี้) หนึ่งในแคมเปญสำหรับลูกบ้าน เป็นครั้งแรกที่โครงการได้จัดพื้นที่ให้ลูกบ้านได้สร้างรายได้จากไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่ชอบ กิจกรรมเหล่านี้สามารถสร้างคอมมูนิตี้ แลกเปลี่ยนผลงาน สร้างรายได้ ผ่านทางแอพพลิเคชั่นสำหรับลูกบ้านอย่าง Altitude Alive

  1. THE F1RST FACILITY ครั้งแรกกับส่วนกลางที่เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ผ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตอย่างขีดสุด บริษัทฯ มุ่งมั่นตั้งใจให้พื้นที่ส่วนกลางเป็นที่แห่งการเรียนรู้ และสามารถแสดงตัวตนได้อย่างชัดเจน และเป็นครั้งแรกที่คอนโดมิเนียมมีผับแอนด์เรสเตอรองท์ อย่าง Fallabella ของโครงการอัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ รวมถึงคอมมูนิตี้สำหรับเด็ก ของโครงการ อัลติจูด คราฟ บางนา เช่นเดียวกับโครงการอื่น ๆ อีกมากมาย และ 3. THE F1RST OF LIVING เป็นครั้งแรกของที่อยู่อาศัยในยุคสมัยใหม่จากการสร้าง Experience Activity และ Ecosystems ของส่วนบริหารงานนิติบุคคล มาพร้อม 2 บริการใหม่ล่าสุด ที่บริษัทฯ นำมาเพื่อบริการและอำนวยความสะดวกของลูกบ้านทุกคนได้ดียิ่งขึ้น บริการแรก The Butler Service พบกับ 8 Lifestyle Services ผู้ช่วยส่วนตัวระดับวีไอพี ในการดูแลและบริการตั้งเเต่ด้านไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคล ทริปท่องเที่ยว สุขภาพ และกว่าอีก 100 รายการ และอีกหนึ่งบริการ คือ ASI Service ผู้ช่วยสำคัญในการดูแลจัดการงานระบบและงานซ่อมบำรุงภายในบ้าน เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบความปลอดภัยของวัสดุภายในบ้าน เพื่อให้ลูกบ้านมีความมั่นใจและรู้สึกปลอดภัยตลอดการอยู่อาศัยในทุกโครงการของอัลติจูด

“ทั้งหมดนี้ คือกลยุทธ์หลักที่เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้เดินหน้าฝ่าทุกข้อจำกัด ผ่านแนวคิด THE F1RST EXPERIENCE OF LIVING” เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจและพัฒนาโครงการให้เป็นจุดเริ่มต้นของการส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตใหม่ที่แตกต่างกว่าที่เคย เพื่อให้บ้านเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ที่สร้างความรัก ความสุข ให้กับทุกคนในครอบครัว นี่คือพลังอันแข็งแกร่งที่ทำให้ “อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” ก้าวขึ้นเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่โดดเด่นและเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบันนี้” นายชยพล กล่าว

นายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการบริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จากัด กล่าวว่า เทรนด์ตลาดที่อยู่อาศัยในยุคสมัยปัจจุบัน กระแสความนิยมเลือกทำงานที่บ้าน (Work From Home) และทำงานแบบไฮบริดคือเลือกทำที่ใดก็ได้ (Hybrid Working) มีผลต่อการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่ง “อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” เล็งเห็นแนวโน้มและโอกาสการเติบโตสูงของที่อยู่อาศัยในยุค Next Normal ที่ผู้ซื้อบ้านจะหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับการทำงานไปด้วย และได้พักผ่อนที่บ้านไปด้วย หรือ Work and Staycation โดยเลือกให้ที่บ้านเป็นทั้งสถานที่พักผ่อน สถานที่ทำงานในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ของปีนี้ บริษัทฯ เปิดเซกเมนต์ใหม่ “ลักซ์ชัวรี่ พูลวิลล่า” เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ ภายใต้แบรนด์ “อัลติจูด ฟอเรสต์” (Altitude Forest) สานต่อที่อยู่อาศัยเพื่อคนรุ่นใหม่ บน 2 ทำเล มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ได้แก่ อัลติจูด ฟอเรสต์ อ่อนนุช-บางนา และ อัลติจูด ฟอเรสต์ บางนา ภายใต้แนวคิด NEVER-ENDING VACATION “เลือกบ้านที่ให้การพักผ่อนของคุณไม่มีที่สิ้นสุด” ซึ่งเป็นเพียง 2 โครงการในทำเลที่ให้สระว่ายน้ำทุกหลังและกลาสเฮ้าส์

สำหรับภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งทุก ๆ ปี โดยปัจจุบัน บริษัทฯ บริหารโครงการมาแล้วกว่า 15 โครงการ ขณะที่ในปีนี้ เดินหน้าสร้างผลงานเติบโตอย่างต่อเนื่องสวนกระแสตลาดโดยรวม คาดการณ์จะเติบโตขึ้นกว่า 425% จากปีที่แล้ว แตะระดับ 11,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการทยอยรับรู้รายได้จาก 7 โครงการพร้อมอยู่พร้อมโอนในไตรมาส 3 ของปีนี้ และคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 4 กว่า 3,000 ล้านบาท ได้แก่ อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ, อัลติจูด ซิมโฟนี่ เจริญกรุง, อัลติจูด คราฟ บางนา, อัลติจูด ฟอเรสต์ อารีย์-โมนูเมนต์, อัลติจูด ฟอเรสต์ รัชดา, อัลติจูด มาสเตอรี่ สุขุมวิท, และ อัลติจูด ฟอเรสต์ อ่อนนุช-บางนา

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งจุดแข็งของ “อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” คือการขยายฐาน THE NEW AGENT NETWORK รวมบรรดาพาร์ทเนอร์ด้านอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน จำนวนมากกว่า 200 คน คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นกว่า 34% จากปี 2564 ซึ่งพาร์ทเนอร์ได้ให้ความสนใจกับทุกโครงการของอัลติจูดเป็นอย่างมาก

นอกจากนั้น บริษัทฯ เตรียมเปิด 4 เซกเมนต์ใหม่ รวม 5 โครงการในไตรมาส 3-4 ได้แก่ THE F1RST MEGA MIXED-USE และ WELL-BEING  ของเชียงใหม่ รวมด้านสุขภาพ รีเทล โรงแรมระดับไฮเอนด์ และคอนโดมิเนียมหรู THE F1RST ICONIC RIVERFRONT MANSION คฤหาสน์หรูริมแม่น้ำใจกลางเมือง THE F1RST LUXURY POOL VILLA 2 ทำเล และ EXPERIENCE TOWNHOME ที่ให้ประสบการณ์และฟังก์ชั่นใหม่กว่าเดิม