อนันดาฯ รุกธุรกิจใหม่ “เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์” วาด 5ปีเปิด14โครงการในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด                  

          

 

 อสังหาริมทรัพย์ ที่มีการแข่งขันรุนแรงต่อเนื่อง จากสต็อกคงค้าง และโครงการเปิดใหม่  การกระจายการลงทุนไปธุรกิจอื่น ยังคงเป็นโมเดล ที่บริษัทอสังหาฯ ใช้ในการสร้างความมั่นคงและรายได้ในระยะยาว เช่นเดียวกับ อนันดาฯ ล่าสุด ได้ขยายธุรกิจใหม่ “เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์”

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การขยายธุรกิจใหม่ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ มองว่าเป็นรูปแบบธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาว อีกทั้งมองโอกาสการเติบโตของธุรกิจและการท่องเที่ยวของไทย จากการที่ไทยยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีทรัพยากรทางธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามเป็นที่ดึงดูดแก่นักท่องเที่ยวมากขึ้นในทุกปี  ทำให้ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์  มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“อัตราการเช่าเฉลี่ยของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ในทุกทำเลของกรุงเทพฯ มากกว่า 74% และสามารถขยับขึ้นไปถึงประมาณ 90% ในบางทำเล โดยพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจและพื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิท เป็นทำเลยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ  อัตราการเช่าเฉลี่ยจึงอยู่ที่ประมาณ 80% เนื่องจากความสะดวกในการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายรวมไปถึงการเข้าถึงที่สะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า BTS”

โดยมีแผนที่จะพัฒนาเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ 14 โครงการ ทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว  มูลค่ารวมประมาณ 35,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี  ส่วนในปีนี้มีแผนใช้เงินลงทุน 6,000 ล้านบาท พัฒนา 4 โครงการ จำนวนกว่า 1,400 ยูนิต มูลค่ากว่า 10,000 ล้าน โดยทั้ง 4 โครงการเป็นที่ดินเช่าทั้งหมด ระยะเวลาการเช่า 30 ปี อัตราค่าเช่า 300-400 บาทต่อ30 ปี

สำหรับ 4 โครงการแรกที่บริษัทจะลงทุน ได้แก่ ได้แก่ 1.โครงการ ซัมเมอร์เซ็ท รามา 9 บางกอก มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท จำนวน 445 ยูนิต  2. แอสคอทท์ เอมบาสซี สาทร 3.แอสคอทท์ ทองหล่อ และ Lyth สุขุมวิท ซ.8 ราคาค่าเช่าเฉลี่ย 2,500-3,000 บาท/ต่อวัน  โดยโครงการแรก จะเปิดให้บริการในช่วงปี 2563 และจะทยอยเปิดให้บริการอีก 3 โครงการที่เหลือในช่วงปี 2564 โดยที่บริษัทคาดว่ารายได้ค่าเช่าของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ทั้ง 4 แห่ง เมื่อเปิดให้บริการครบโดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย  80% ในปี 2564  จะมีรายได้ 1,500  ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทได้จับมือ ดิ แอสคอทท์ ซึ่งเป็นเชนบริหารเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ บริหารโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ของบริษัท  เนื่องจากมีความมั่นใจการดำเนินงานของ แอสคอทท์  ที่เป็นผู้บริหารโรงแรมต่างๆระดับโลก และเป็นเบอร์หนึ่งของตลาด ซึ่งมีเครือข่ายมากที่สุด ทำให้สามารถส่งลูกค้าให้แก่กันและกันในโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ในเครือได้ พร้อมกับมีแบรนด์ต่างๆในเครือที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าหลายระดับ  คือ กลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ซึ่งมีแบรนด์ ASCOTT, SOMERSET และ Citadines ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบนไปจนถึงกลุ่มลูกค้าครอบครอบและนักท่องเที่ยวคนเดียว

นายเควิน โกห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิ แอสคอทท์ จำกัด กล่าวว่า  ทางแอสคอทท์ ได้มีการเซ็นสัญญารับบริหารเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ให้กับโครงการที่อนันดา  พัฒนาทั้งหมด 14 แห่ง ซึ่งจะมีการทยอยเปิดให้บริการไปต่อเนื่อง โดยนอกเหนือจาก 4 โครงการแรก จะมีการพัฒนาโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์อื่นๆอีก 10 โครงการ ตั้งแต่ปี 2562-2566 ซึ่งจะมีการพัฒนาโครงการทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดในหัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อที่ทำให้เข้าถึงลูกค้าในหลากหลายกลุ่มในแต่ละสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ

ปัจจุบัน แอสคอทท์มีโครงการที่พักอาศัยให้บริการอยู่มากกว่า 43,000 แห่งในเมืองสำคัญต่างๆในอเมริกา เอเชียแปซิฟิก ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และมีมากกว่า 29,000 ยูนิตซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา ทำให้มีจำนวนโครงการทั้งหมดรวมกว่า 74,000 ยูนิตในกว่า 500 แห่ง  ซึ่งแบรนด์ของบริษัท ทั้ง 6 แบรนด์ ได้แก่ Ascott, Citadines, Somerset, Quest, The Crest Collection และ Lyth