8 บิ๊กเมกะโปรเจคพลิกโฉมพระราม4 สู่ทำเลซีบีดีดันราคาที่ดิน-ห้องชุดราคาพุ่ง

8 บิ๊กเมกะโปรเจคพลิกโฉมพระราม4
สู่ทำเลซีบีดีดันราคาที่ดิน-ห้องชุดราคาพุ่ง

จับตาทำเลพระราม 4  กำลังพลิกโฉมไปสู่การเป็นทำเลย่านซีบีดี หรือพักอาศัยแห่งใหม่ เพราะด้วยศักยภาพเดิมของทำเลที่ตั้งอยู่ระหว่าง 2 ศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) กรุงเทพฯ คือ สีลม และอโศก  รวมถึงการพัฒนาโครงการเมกะโปรเจคถึง  8 โครงการ (หัวลำโพง-ศูนย์การประชุมแห่งชาติ)  กำลังจะเกิดขึ้น ในรูปแบบโครงการผสมผสาน(มิกซ์ยูส) ซึ่งประกอบด้วยไปด้วยอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม โรงแรม พื้นที่ศูนย์การค้า
ไล่ไปตั้งแต่โครงการขนาดใหญ่ ‘วัน แบงค็อก’  มูลค่าโครงการ 1.2แสนล้าน บนที่ดินเตรียมทหารเดิม , โครงการ“สามย่าน มิตรทาวน์” มิกซ์ยูส มูลค่า 8,500 ล้านบาท บนที่ดินเช่าของจุฬา ,โครงการปรับปรุงโรงแรมดุสิตธานี รูปแบบมิกซ์ยูส มูลค่า 36,700 ล้านบาท เปิดในปี 2563 ,โครงการของจุฬา เมกะโปรเจค   อุทยานจุฬาฯ 100 ปี เนื้อที่ 28 ไร่ มูลค่า 1,200 ล้านบาท,โครงการหลังสวนวิลเลจ มูลค่า 23,000 ล้านบาท เปิดในปี 2562
,โครงการ เอฟ วาย ไอ รูปแบบมิกซ์ยูส  มูลค่า 14,000 ล้านบาท ,และโครงการสวนป่าเบญจกิติ เฟส 2 เนื้อที่ 320 ไร่ พัฒนาโดยรัฐบาล เปิดปี 2563
ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โครงการเมกะโปรเจคขนาดใหญ่ทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นแค่แผนงานเท่านั้น ตอนนี้หลายโครงการเริ่มเดินหน้าก่อสร้างเต็มกำลัง เพื่อเตรียมตัวจะแล้วเสร็จใน 2-5 ปีข้างหน้านี้  ทำให้ในอีกเพียงแค่ 5 ปีข้างหน้า ทำเลพระราม 4 จะพลิกโฉมสู่ความเจริญเทียบเท่ากับ New CBD และเนื่องจากโครงการฝั่งเหนือของถนน ตั้งแต่โรงพยาบาลจุฬาฯ สวนลุมฯ เรื่อยมาจนถึงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ส่วนใหญ่จะเป็นลีสโฮลด์ (Leasehold)  ส่งผลให้ผลกำไรส่วนต่าง(Capital Gain) ของโครงการฟรีโฮลด์ ในอีก 5 ปีของทำเลนี้ ทะยานสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
จากข้อมูลภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียม ประเภทกรรมสิทธิ์ ระยะ 500 เมตร จากรถไฟฟ้า ย้อนหลังไป 5 ปี (2555-ช่วงครึ่งแรกของปี2560) พบว่า จำนวนห้องชุดขายไปแล้ว 89% ของจำนวนห้องชุดทั้งหมดในตลาด ปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3.15 แสนบาทต่อตารางเมตร  ส่วนซัพพลายที่เหลือเพียง 11% ประมาณ 374 ยูนิต ส่วนใหญ่จะเป็นแบบห้องสตูดิโอ และราคาห้องชุดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 7-8% ต่อปี ถือว่าตลาดคอนโดในทำเลนี้เป็นที่ต้องการอย่างมาก   ขณะที่ราคาที่ดินย้อนหลังไปเกือบ 5 ปี เติบโต 121 เท่า หรือเฉลี่ยเติบโตปีละ 24%
ล่าสุดบริษัทได้ลงทุนพัฒนาโครงการ”ไอดิโอ โมบิ พระราม 4″ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคนทำงานในพื้นที่ ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในย่านนี้  เป็นอาคารสูง 36 ชั้น 1 อาคาร บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ จำนวน 486 ยูนิต มูลค่ากว่า 4,054 ล้านบาท ราคาขายตั้งแต่ 5.99 ล้านบาทจนถึง 30 ล้านบาท เฉลี่ย 235,000 บาทต่อตร.ม.มีขนาดตั้งแต่ 25.50-113.50 ตร.ม. ทั้งนี้คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2563  บริษัทฯเตรียมจัดงานพรีเซลล์ ในวันที่ 2 ธ.ค. นี้ ณ เซลล์ แกลลอรี่  MRT คลองเตย และคาดว่าในวันพรีเซลจะมียอดขายที่กว่า 80% ปัจจุบันมียอดบุคกิ้งแล้ว 30 % (รวมออนไลน์และที่ไปขายยังตลาดต่างประเทศ)
 สำหรับจุดเด่นของโครงการ นอกจากดีไซน์ วางผังทุกห้องให้เห็นวิวเมืองโดยรอบและรับลมธรรมชาติได้เต็มที่ นอกจากนี้ ยังมีระบบหมุนเวียนอากาศในห้องด้วยพลังงานสะอาด นวัตกรรมรักษ์โลก Solar Cell Panel ที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม Smart Solar Fresh Air System การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาจ่ายไฟ เพื่อทำให้พัดลมหมุนเวียนอากาศภายในนอก ส่งผลให้อุณหภูมิห้องลดลง
ปัจจุบันบริษัทพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ” ไอดิโอ โมบิ ” ไปแล้ว  11 โครงการ โดยในปี 2560 มีแผนพัฒนารวม 3 โครงการ ได้แก่ โครงการที่ซอยรางน้ำ ,สุขุมวิท 40 และ พระราม 4  ลูกค้าต่างชาติเพิ่ม 221%
อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนนำโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทไปบุกตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ จีนและมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศ ไต้หวัน จากปีที่แล้วมียอดขายจากต่างชาติประมาณ 2,800 ล้านบาท ปัจจุบันเพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท คาดสิ้นปีนี้มียอดขาย 9,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 221 % เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ทำได้ 2,800 ล้านบาท.  ทั้งนี้ พอร์ตลูกค้าต่างชาติ หลักๆจะมาจากยุโรป และแนวโน้มของกลุ่มเอเชียจะเพิ่มสูงขึ้น โดยหากแยกกลุ่มลูกค้าในแต่ละโครงการจะมีความหลากหลาย เช่น คอนโดมิเนียมแบรนด์ “เอลลิโอ” จะเป็นลูกค้าสิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง แบรนด์ “ไอดีโอ”  เป็นลูกค้าชาวจีนซื้อ  และแบรนด์ ”  ไอดีโอ โมบิ ” จะมีชาวญี่ปุ่น ยุโรป และออสเตรเลีย เป็นต้น