การเดินทางเชิงวัฒนธรรมอาหารอันเปี่ยมเสน่ห์รอคุณอยู่บนผืนฟ้า ณ โรสวูด พนมเปญ โรงแรมแห่งใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว

การเดินทางเชิงวัฒนธรรมอาหารอันเปี่ยมเสน่ห์รอคุณอยู่บนผืนฟ้า โรสวูด พนมเปญ โรงแรมแห่งใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว

โรสวูด พนมเปญ คือจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ในการลิ้มรสอาหารอันเปี่ยมไปด้วยสไตล์ในนครหลวงแห่งนี้ เพราะมีห้องอาหารและเลานจ์อันงดงามที่ได้รับการออกแบบเพื่อโปรยเสน่ห์ใส่นักชิมทั้งในท้องถิ่นและระดับโลก ไม่เพียงโดดเด่นที่อาหารและคอนเซ็ปท์เท่านั้น แต่ยังพิเศษด้วยทัศนียภาพมุมสูงที่สามารถมองเห็นได้จากทุกห้องอาหารและเลานจ์ซึ่งตั้งอยู่บนตึกระฟ้าที่สูงที่สุดของประเทศกัมพูชาอีกด้วย

เส้นทางสายวัฒนธรรมอาหารนี้เริ่มต้นจาก Sora อันเป็นสกายบาร์สูงชันบนระเบียงที่ตั้งอยู่บนคานยื่น ไปสู่ Brasserie Louis และ The Living Room ก่อนจะปิดท้ายที่ Iza อันเป็นห้องอาหารญี่ปุ่นสไตล์อิซากายะ โดยมี เฟเบียน อัลตาเบิร์ท ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการปรุงอาหาร เป็นผู้กุมบังเหียน เชฟผู้แสนกระตือรือร้นและสร้างสรรค์คนนี้มีประสบการณ์กว่า 20 ปีในการปรุงอาหารคลาสสิก อาหารนานาชาติ และอาหารร่วมสมัย

Brasserie Louis

ความประทับใจแรกที่จับใจนักชิมขณะเดินเข้าไปในห้องอาหาร Brasserie Louis บนชั้นที่ 35 ของโรงแรมแห่งนี้คือทิวทัศน์แบบพาโนรามาของเส้นขอบฟ้าของเมืองนี้กับสายน้ำโขงที่มองเห็นผ่านหน้าต่างกระจกรอบด้านซึ่งสูงจากพื้นจรดเพดาน ห้องอาหารสไตล์ร่วมสมัยแห่งนี้หยิบยื่นบรรยากาศของความสะดวกสบายและอบอุ่นเหมือนบ้านให้กับแขกได้ในทันทีด้วยความสว่างไสวและวิวทิวทัศน์ที่ดึงดูดความสนใจของผู้มาเยือนได้ พร้อมเมนูที่เน้นอาหารฝรั่งเศสกินง่ายสไตล์คลาสสิกและอาหารกัมพูชาจานโปรดในภูมิภาคนั่นเอง

แขกของห้องอาหารนี้สามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารจานคลาสสิก อาทิ Escargots à la Bourguignonne- Beurre à l’Ail (เอสคาร์โกท์ปรุงแบบเบอร์กันดีเสิร์ฟพร้อมซอสเนยกระเทียมสมุนไพร) Le Poulet Rôti (ไก่ย่างทั้งตัวเสิร์ฟพร้อมถั่วเม็ดเล็กและซอสทรัฟเฟิล) และอาหารจานโปรดทางตอนใต้ของฝรั่งเศสอย่าง Calamars à la Provençale (คาลามารีเคี่ยวยัดไส้สมุนไพรราดซอสมะเขือเทศ) รวมถึงอาหารกัมพูชาแท้ๆ อย่าง Fish Amok และ Chhar Merk Marik Kchey (ปลาหมึกทอดไฟแดงกับพริกไทยกัมปอต) อีกด้วย

Brasserie Louis ถูกออกแบบให้ปลุกสัมผัสเรื่องกลิ่นรสของอาหารฝรั่งเศสจานที่กินง่าย โดยบรรดาเชฟจะปรุงอาหารในครัวแบบเปิดสองแห่งและมีโต๊ะกลางสำหรับเหล่านักชิมที่ต้องการจะร่วมโต๊ะกับคนอื่น เพื่อชิมผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมูอย่างแฮมหรือไส้กรอกพลางจิบไวน์แก้วโปรดไปด้วย มุมไวน์ที่มีโต๊ะสำหรับ 6 ที่นั้นแวดล้อมไปด้วยไวน์วินเทจ 300 ขวดซึ่งถูกจัดเตรียมไว้ให้คอไวน์พันธุ์แท้ได้มารวมตัวกันเพื่อชิมไวน์​อย่างใกล้ชิด ราวกับกำลังร่วมวงกับซอมเมอร์ลิเยร์ในไวน์เซลล่าร์ที่บ้านยามค่ำคืนนั่นเอง

The Living Room

ห้องอาหาร The Living Room เป็นมุมพักผ่อนหย่อนใจที่แสนอบอุ่นไม่ต่างจากชื่อของมัน ด้วยบรรยากาศอันผ่อนคลายตลอดจนมีมุมและเวิ้งอันนั่งสบายหลากหลายมุม รวมถึงมีที่นั่งให้แขกได้ผ่อนคลายตามต้องการด้วย พื้นที่ซึ่งสว่างและโปร่งสบายนั้นเหมาะมากสำหรับการกินมื้อเช้าหรือของว่างระหว่างวัน ตลอดจนการจิบเครื่องดื่มหลากหลายจากบาร์ที่ให้อารมณ์คล้ายบาร์เครื่องดื่มในบ้าน หรือจะเลือกปรนเปรอตัวเองด้วยการจิบน้ำชายามบ่ายแกล้มขนมหวานซึ่งได้รับการ

จัดเตรียมอย่างสวยงามโดย โทมาส คาบริท์ เอ็กเซ็กคิวทิฟเชฟของหวานชาวฝรั่งเศสก็ได้ และเมื่อกลางวันเริ่มโรยตัวสู่ย่ำค่ำ The Living Room ก็จะเปลี่ยนไปเป็นที่มั่นอันแสนสบายและงดงามในการชื่นชมแสงสีในเมืองใหญ่ที่ค่อยๆ สว่างไสวขึ้นมาระหว่างเพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มค็อกเทลและอาหารเรียกน้ำย่อยคลอไปกับเสียงเปียโนที่บรรเลงสดๆ

Iza

Iza คือห้องอาหารญี่ปุ่นสไตล์อิซากายะหรือที่เรียกกันว่าร้านกินดื่มนั่นเอง ที่นี่เชื้อเชิญให้แขกได้ใช้เวลาอ้อยอิ่งพลางชิมอาหารจานแล้วจานเล่า หรือสนุกกับการสังสรรค์ระหว่างมื้อกลางวันหรือมื้อเย็นที่แสนมีชีวิตชีวา ภายใต้การดูแลของเชฟเดอคิวซีน เท็ตสึจิโร โอกาตะ ไฮไลท์หลักของห้องอาหารแห่งนี้คือ robata-yaki และ irori charcoal grill ซึ่งเป็นครัวแบบเปิดล้อมรอบด้วยที่นั่งแบบเคาน์เตอร์สูง ที่ซึ่งแขกสามารถลิ้มรสชาติของเนื้อฉ่ำๆ อาหารทะเล และผักย่างแบบเสียบไม้ได้ ที่นี่ยังมีเคาน์เตอร์ซาชิมิและซูชิอีกด้วยแถมแขกยังสามารถสั่งยากิโทริและเทมปุระจากเมนูได้อีก มุมอาหารเส้นนั้นยังพร้อมเสิร์ฟราเม็งและอุด้งจนถึงเที่ยงคืนเพื่อตอบโจทย์ความหิวกลางดึกและช่วยให้แขกที่อยากกินอาหารประเภทเส้นร้อนๆ ยามค่ำคืนได้อิ่มท้องก่อนจะปิดท้ายวันอันแสนยาวนาน

นอกจากจะมีเบียร์สดแบบคราฟท์ให้เลือกดื่มหลากหลายชนิดแล้ว ซึ่งถือเป็นเครื่องดื่มหลักที่เหมาะจะกินกับอาหารแบบอิซากายะ ห้องอาหารนี้ยังจับมือกับโรงเบียร์ท้องถิ่นเพื่อจะผลิตเบียร์แบบสั่งทำโดยเฉพาะสามรสชาติ ได้แก่ เบียร์ขาวเบลเยียมจากข้าวสาลี เบียร์พิลสเนอร์รสคมแต่แฝงความขมกำลังพอดี และเบียร์เอลไอพีเอแบบเต็มรสชาติ Iza ยังมีสาเกและโชจูให้เลือกถึง 42 ชนิดอีกด้วย

แขกที่เดินทางมาถึงห้องอาหารจะได้รับการต้อนรับที่แฝงความขี้เล่นตรงทางเข้าร้านด้วยถังสาเกยี่ห้อ Dassai วางเรียงเป็นตั้งกับถังหมักเบียร์ วิวของร้าน Iza บนชั้นที่ 37 นั้นจะดึงดูดความสนใจของคุณได้เช่นเดียวกับโต๊ะไม้มะค่าเนื้อตะปุ่มตะป่ำที่ตั้งอยู่เป็นเซ็นเตอร์พีซของร้านและมีการติดตั้งไฟส่องสว่างด้านบนส่งผลให้มันดูราวกับเป็นชิ้นงานชั้นเยี่ยม ฉากขัดแตะที่ทำจากเหล็กกล้า กระจก และผืนผ้าท้องถิ่นที่ได้รับการย้อมสีตามธรรมชาติยังสะท้อนถึงการเชื่อมต่อกันระหว่างวัฒนธรรมญี่ปุ่นและกัมพูชาอีกด้วย

Sora

Sora หรือ “ท้องฟ้า” ในภาษาญี่ปุ่นนั้นคือสกายบาร์ที่สูงที่สุดในกรุงพนมเปญ ตั้งอยู่บนระเบียงบนคานยื่นจากชั้นที่ 37 จึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันกว้างไกลของนครหลวงแห่งกัมพูชา อันเป็นภาพอันน่าตื่นตาจากจุดที่สูงตระหง่านนั้นนั่นเอง

บาร์และเลานจ์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งในร่มและกลางแจ้งที่พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มค็อกเทลที่คัดสรรมาอย่างดีกว่า 20 ชนิด ซึ่งได้รับการออกแบบโดยที่ปรึกษาด้านมิกโซโลจิสท์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง เจียนคาร์โล แมนซิโน เมื่อแขกเริ่มรู้สึกหิว พวกเขายังสามารถสั่งอาหารเรียกน้ำย่อยจากเมนูของร้าน Iza มาแกล้มระหว่างนั่งในส่วนกลางแจ้งพลางดื่มด่ำกับทิวทัศน์ของเมืองในแบบที่ไม่มีอะไรมาบดบังได้เต็มที่

ค็อกเทลนั้นได้รับการผสมขึ้นเป็นพิเศษและเจือด้วยส่วนผสมในท้องถิ่น อย่างเช่น Pchus Kmaov ซึ่งเป็นการเติมลูกเล่นให้กับเครื่องดื่มค็อกเทลสุดคลาสสิกอย่าง Dark and Stormy ด้วยการเพิ่มสับปะรดและมะนาวกัมพูชาผสมผสานกับเซเลอรี่ก่อนจะปิดท้ายด้านบนสุดด้วยดาร์กรัม ส่วน Mango Slush Colada นั้นเป็นการนำ Pina Colada อันคลาสสิกมาปรับให้ร่วมสมัยขึ้นด้วยส่วนผสมของเหล้ารัมกัมพูชากับเหล้ารัมแคริบเบียนตลอดจนมะพร้าวกับมะม่วง ในขณะที่ DC Collins นั้น

เป็นเครื่องดื่มแบบลองดริ๊งค์ที่มีส่วนผสมของน้ำแตงโมเจือด้วยเหล้าเวอร์มุธยี่ห้อ Mancino ที่สั่งทำพิเศษกับเหล้า                เบคเคอรอฟก้าที่มีรสขมของสมุนไพรอีกเล็กน้อยก่อนปิดท้ายด้วยลาเวนเดอร์

Sora ยังมีวิสกี้ไลบรารี่และซิการ์เลานจ์ที่อาจถือได้ว่ามีวิสกี้แบบซิงเกิลมอลท์ให้เลือกสรรมากที่สุดในประเทศกัมพูชาซึ่งรวมถึงชนิดที่หายากจริงๆ บางชนิดด้วย ที่นี่ยังมีซิการ์ชั้นดีถึง 24 ชนิดให้แขกได้ลิ้มลอง พื้นที่สังสรรค์อันแสนสบายที่มีเก้าอี้หนังและบรรยากาศโดยรอบเป็นไม้สีเข้มนั้นดูมีมนตร์ขลังขึ้นด้วยเคาน์เตอร์ให้นั่งดื่มด่ำกับกลิ่นรสของวิสกี้และซิการ์โดยหันหน้าไปทางหน้าต่างบานใหญ่ซึ่งเผยให้เห็นทิวทัศน์ของเส้นขอบฟ้าของตัวเมืองนั่นเอง

เกี่ยวกับโรสวูด พนมเปญ

โรสวูด พนมเปญ นำเสนอประสบการณ์งานด้านการบริการสุดหรูในเมืองหลวงของกัมพูชา ตัวโรงแรมกินพื้นที่ 14 ชั้นสูงสุดของอาคาร Vattanac Capital Tower ในศูนย์กลางย่านธุรกิจ และมีวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองและแม่น้ำโขงอันเลื่องชื่อที่ไม่มีอะไรใดๆ มาบดบังได้เพราะนี่คืออาคารที่สูงที่สุดของเมืองนี้แล้ว โรสวูด พนมเปญถือหลักปรัชญา A Sense of Place® ของแบรนด์โรสวูดและสะท้อนมันออกมาผ่านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความละเมียดละไมของสถานที่ตั้ง  โรงแรมแห่งนี้ประกอบด้วยห้องพักและห้องชุด 175 ห้อง ห้องอาหารและเลานจ์ 5 แห่งซึ่งรวมถึง Sora ซึ่งเป็นสกายบาร์บนระเบียงที่ตั้งบนคานยื่น และ Sense ซึ่งเป็นสปาของโรสวู้ด ตลอดจนฟิตเนสเซ็นเตอร์ สระว่ายน้ำในร่มขนาด 20 เมตร สถานที่จัดการประชุมซึ่งรวมถึง The Pavilion อันเป็นพื้นที่จัดงานและจัดการประชุมที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนห้องพักอาศัย หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการจองห้องพัก กรุณาติดต่อตัวแทนการท่องเที่ยวของคุณหรือติดต่อโรงแรมโดยตรงได้ที่โทร. +855 239 36 888