“ที่ดิน” ทำเลทอง น่าลงทุน

“ที่ดิน” ทำเลทอง น่าลงทุน

เมื่อพูดถึงทำเลทอง ที่ดินทำเลที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ คงหนีไม่พ้นทำเลที่มีรถไฟฟ้าผ่าน เพราะที่ดินที่มีรถไฟฟ้าผ่านทุกที่ ราคาก็จะค่อยขยับสูงขึ้นมาก ส่วนทำเลที่ดีที่สุดก็คงต้องเป็นทำเลใจกลางเมือง เช่น ชิดลม สีลม สุขุมวิท ทำเลเหล่านี้เป็นทำเลที่มีความหนาแน่นของการอยู่อาศัย โดยเฉพาะสุขุมวิทเป็นทำเลที่ชาวต่างชาติมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นทำเลที่ดินแพงที่สุด จึงเป็นทำเลที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และสำหรับทำเลที่ร้อนแรงที่สุดคงหนีไม่พ้นทำเลชิดลม ถ้าพูดถึงชิดลมเราจะเห็นว่ามีสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ สถานทูตอังกฤษ สถานทูตอเมริกา และสถานทูตประเทศอื่นๆ อีกมากมาย ซี่งทำให้ความเป็นอยู่ ผู้อยู่อาศัยในทำเลชิดลมเป็นกลุ่มคนระดับบน มีฐานะ ดังนั้นที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ก็จะเป็นคอนโดที่มีราคาสูง

ดังนั้นที่ดินบริเวณนี้จึงเหมาะกับการพัฒนาเป็นคอนโดที่ราคาสูง จับกลุ่มลูกค้าระดับบน ด้วยปัจจัยของราคาที่ดินที่แพงที่สุด เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าราคาที่ดินทำเลนี้มีการซื้อขายในแต่ละครั้งราคาก็จะเพิ่มขึ้นตลอดเวลา แต่สำหรับนักลงทุนที่ดิน ก็คงเป็นเรื่องยาก เพราะว่าต้นทุนสูง สำหรับที่ดินกลางๆ เมืองอัตราการเติบโตจะอยู่ประมาณ 10%ต่อปี ซึ่งถ้าซื้อไปลงทุนปีนึงก็คงไม่คุ้มกับค่าโอน ค่าใช้จ่ายในการถือครอง

ดังนั้นทำเลที่น่าลงทุนถัดไปคือ ทำเลที่ทำกำลังเติบโต ซึ่งตอนนี้รถไฟฟ้ากำลังสร้างกันหลายสาย ไม่ว่าจะเป็น ถนนลาดพร้าว ถนนศรีนครินทร์ ถนนรามคำแหง  หรือถ้าขยับออกไปไกลหน่อยก็จะเป็น ลำลูกกา สะพานใหม่ ดอนเมือง ซึ่งเป็นทำเลที่กำลังจะตามมา ราคาที่ดินจึงเริ่มขยับตัวมากขึ้น แต่เราก็สามารถไปหาที่ดินบริเวณที่ลึกเข้าไป ดูซอยที่มันกว้างขวางอีกนิด เพราะราคาที่ดินติดถนนหลักราคาสูง ถนนในซอยก็ราคาสูงขึ้นไปด้วย เพราะฉะนั้นการลงทุนที่ดินเรามุ่งเน้นกำไร แต่ว่าค่าใช้จ่ายในการถือครอง ในการโอนต่างๆ ก็เป็นภาระที่เราก็ต้องคำนวณว่าถ้าจะลงทุนในทำเลดีๆ ตรงนั้นมันคุ้มกับการลงทุนไหม เพราะว่าจริงๆการลงทุนที่ดินส่วนใหญ่ มันควรจะถือยาว ถ้าถือสั้นจะเล่นยาก ยิ่งปัจจุบันภาษีที่ดินก็ยังไม่ชัดเจน ถ้าเราซื้อแล้วมันเกิดความชัดเจนขึ้นมา ภาระตรงนั้นเราก็ต้องรับไปอีกส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็ต้องไตร่ตรองให้ดี

บทความโดย “โค้ชติ้ว”  ธนิช  พินธุรักษ์  :: วิทยากรสอนด้านการลงทุนที่ดิน P.R.A. Academy  (Professional Real Estate Academy)