“สัมมากร” สลัดภาพคอนเซอร์เวทีฟ ปรับลุคปั้นแบรนด์รับมือยุคบิ๊กเพลเยอร์

“สัมมากร” บริษัทพัฒนาที่ดินเจ้าของสโลแกน “เราไม่เพียงสร้างบ้าน แต่เราสร้างสังคม” ก่อตั้งขึ้นเพื่อทำธุรกิจพัฒนาที่ดินในยุคแรกๆ เมื่อ 48 ปีก่อน เป็นองค์กรที่มีวิถีการดำเนินธุรกิจในแบบอนุรักษ์นิยม หรือคอนเซอร์เวทีฟ เน้นการเติบโตแบบยั่งยืนมาโดยตลอด 

            เนื่องจากสถานการณ์ ณ เวลานี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก้าวสู่ยุค การแข่งขันที่รุนแรงระหว่างบิ๊กเพลเยอร์ ระดับที่เรียกว่า ใหญ่ปะทะใหญ่ เพราะเป็นการแข่งขันระหว่างบริษัทพัฒนาที่ดินระดับเจ้าสัว บริษัทรายใหญ่เจ้าถิ่นในตลาด และบริษัทต่างชาติที่เข้ามาร่วมทุนกับบริษัทไทย  ถึงเวลาที่ทำให้ สัมมากร บริษัทอสังหาฯ อยู่มานานกว่า 48 ปี ต้องปรับลุคใหม่ในทุกมิติ เพื่อพร้อมรับกับการแข่งขันเกิดขึ้น

          “สัมมากร ถือเป็นบริษัทจัดสรรที่ดินยุคแรก ที่อยู่มาเกือบทศวรรษที่ 5  วิสัยของเรา ดีเอ็นเอ สัมมากร หรือวิถีการทำธุรกิจที่๋่ผ่านมา ค่อนข้างเซอร์เวเทีฟ แต่ตอนนี้้ จะเห็นว่าภาคอสังหาฯ มีการแข่งขันสูงมาก ไม่จำเป็นว่าองค์กรอยู่มาเก่าแก่แล้ว “เก่ง”  บางบริษัทเพิ่งเข้ามาในตลาดเพียงไม่กี่ปีก็เติบโตเร็วมาก  ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เพื่อให้องค์กรก้าวเติบโตต่อไป  สำหรับบริษัทสัมมากร จึงต้องปรับเปลี่ยนทั้งระบบ  ไม่ใช่ปรับแค่ภาพลักษณ์องค์กร แต่ภายในองค์กรต้องมีการปรับปรุงทุกมิติ จึงไม่ใช่แค่รีแบรนด์ เพราะแบรนด์ ก็คือ สัมมากร แต่เป็นการปรับภาพลักษณ์ในทุกด้าน” กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา  กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด(มหาชน) กล่าว

    ตอนนี้พร้อมแล้วเดินนโยบายเชิงรุก หลังในปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น มีบริษัท อาร์พีซีจีฯ เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สิ่งแรกดำเนินการในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ได้มีการศึกษาตลาดเชิงลึก จ้างที่ปรึกษาด้านการตลาดทำโฟกัสกรุ๊ป ฐานลูกค้าไม่ใช่เฉพาะลูกค้าสัมมากรอย่างเดียว ว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการจากผู้ประกอบการ จากโครงการคืออะไร  รวมไปถึงการดีไซน์โปรดักส์ นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีมากที่สุด ครอบคลุมทุกความต้องการของตลาด

“เมื่อก่อนเราอาจเดินธรรมดา ก็ต้องเริ่มจ๊อกกิ้ง หรือไม่ต้องเริ่มวิ่งแล้ว จะก้าวไปแบบเดิมไม่ได้ ถ้าต้องการเติบโตต่อไปในภาวะการณ์แข่งขันสูงเช่นปัจจุบัน”

            ในปีนี้วางแผนปรับลุค “สัมมากร” ใหม่ จากเดิมภาพลักษณ์ดูเป็นผู้ใหญ่และคอนเซอร์เวทีฟ (Conservative) ให้ดูทันสมัยขึ้น แต่ยังคงจุดเด่นของสัมมากร ความเป็นแบรนด์คุณภาพที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจมานานกว่า 48 ปี การสื่อสารจุดเด่นแบรนด์สัมมากรผ่านสื่อรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะสื่อดิจิทัลในหลากหลายแพลตฟอร์ม เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค คนรุ่นใหม่ คนวัยทำงาน ครอบครัวใหม่ และครอบครัวขยาย

การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ สัมมากร ครั้งนี้ ถือเป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่เป็นองค์รวมทั้งระบบ โดยปรับใน 3 ส่วนหลัก คือ 1. วัฒนธรรมองค์กร ค่านิยมองค์กร ระบบการทำงานของพนักงาน 2. ภาพลักษณ์ของบริษัท ปรับโลโก้ใหม่ การสื่อสารกับลูกค้า ยูนิฟอร์มพนักงาน และอื่นๆ และ 3. การออกแบบสินค้า ปรับการออกแบบบ้านให้สวยและทันสมัยยิ่งขึ้น เพิ่มความใส่ใจในรายละเอียดการออกแบบบ้าน ด้วยฟังก์ชันการใช้งานภายในบ้านที่สัมมากรคิดค้นให้ตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่

นอกจากนี้ สัมมากร ได้เปลี่ยนสโลแกนใหม่ จากเดิม “เราไม่เพียงแต่สร้างบ้าน เราสร้างสังคม” เป็น “สัมมากร สร้างจากความเข้าใจชีวิต” สะท้อนถึงภาพลักษณ์ใหม่ของสัมมากรที่พัฒนามาจากสโลแกนเดิม คือ ความตั้งใจและนโยบายของสัมมากรที่ต้องการให้ลูกบ้านอยู่ในสังคมที่ดี มีเพื่อนบ้านที่ดี ช่วยเหลือกัน และอบอุ่น นำไปสู่การพัฒนาให้บ้านเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง ซึ่งจะประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ เช่น ระบบการรักษาความปลอดภัย กฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกันภายในหมู่บ้าน การออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์การใช้งาน และอื่นๆ เพื่อช่วยลดปัญหาความเดือดร้อนใจให้กับผู้อยู่อาศัย

  “สัมมากรถือว่าเป็นรายเล็กมาก ที่มียอดขายแค่หลักพันกว่าล้านบาท แต่ในยุคดิจิทัล เป็นโอกาสของผู้ประกอบการรายเล็กๆอย่างเรา  ที่จะสื่อออนไลน์ สร้างแบรนด์ออกไปยังลูกค้ารุ่นใหม่ให้รับรู้ว่า สัมมากรคือใคร  โดยคนรุ่นใหม่อาจยังไม่เคยได้ยินว่าสัมมากรทำอะไร หรืออาจจะเคยได้ยินชื่อสัมมากรจากคุณพ่อคุณแม่ บางคนได้ยินชื่ แต่ไม่รู้ว่าสัมมากรยังมีโครงการอยู่

            โดยปี 2561 สัมมากรเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ ครอบคลุม ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิค ส่วนที่ดินพัทยา 25 ไร่ จังหวัดชลบุรี ใกล้กับสวนน้ำCartoon Network การศึกษาความเหมาะสมแล้วเสร็จปลายปีที่แล้ว คาดว่าจะพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส

“ไม่ถึงกับต้องเป็นอสังหาฯในระดับท็อปไฟฟ์ ท็อปเทน แต่เป็นองค์กรภูมิฐานที่มีชื่อเสียง การดำเนินนโยบายในเชิงรุกมากขึ้นเป็นเป้าหมายใหม่ของ “สัมมากร” คนรุ่นใหม่รู้จักเรามากขึ้น การก้าวรุกแต่ละสเต็ปจากนี้ไป จึงน่าจับตามมองไม่น้อย