“พฤกษา”ชู5กลยุทธ์ชนะตลาด ไต่สู่แบรนด์อันดับหนึ่งในใจลูกค้า

“พฤกษา”ชู5กลยุทธ์ชนะตลาด

ไต่สู่แบรนด์อันดับหนึ่งในใจลูกค้า 

      พฤกษา ผู้นำอันดับหนึ่งในวงการอสังหาริมทรัพย์ ประกาศแผนปี 2561 ด้วย 5 กลยุทธ์ ก้าวสู่แบรนด์อันดับหนึ่งในใจลูกค้า พร้อมมุ่งสร้างแบรนด์ โดยเน้นการใช้นวัตกรรมและดิจิทัล พร้อมจับมือพันธมิตรร่วมพัฒนาคุณภาพสินค้า และบริการ
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้พฤกษา วางเป้าการเติบโตทุกแพลตฟอร์ม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม กลุ่มธุรกิจแวลู หรือพรีเมียม โดยการขับเคลื่อนให้เติบโตด้วย 5  กลยุทธ์ คือ ครองแชมป์ความเป็นหนึ่งในวงการอสังหาฯ ในส่วนของกลุ่มแมสเป็นฐานใหญ่ สร้างความแข็งแรงผลักดันยอดขายในทุกแพลตฟอร์มที่มี แผนกลยุทธ์เน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลาง-ล่าง เพื่อรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิม และขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังระดับกลาง-บนมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทุกเซกเม้นท์  
ส่วนกลุ่มพรีเมียม ซึ่งเป็นตลาดที่พฤกษาประสบความสำเร็จอย่างมาก ภายในใน 1 ปี สร้างยอดขายไต่ขึ้นมาอยู่ใน    ท็อปไฟว์ โดยปีนี้จะขยายตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้ายอดขาย 6,800 ล้านบาท และเป้ารายได้ 3,500 ล้านบาท และมีแผนเปิดโครงการใหม่ 8 โครงการมูลค่า 10,260 ล้านบาท
“ปีนี้ยังคงเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของธุรกิจอสังหาฯ และมีปัจจัยความเสี่ยงของการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ บริษัทจึงเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีจำนวนยูนิตไม่เยอะ ซึ่งจะให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า โดยพัฒนาที่อยู่อาศัยในแบบใหม่ให้มีความโดดเด่นเฉพาะตัวเพื่อสร้างความแตกต่างจากตลาดและคู่แข่ง”
2. การสร้างแบรนด์ให้เกิดความแตกต่าง สร้างแบรนด์ให้อยู่ในใจผู้บริโภค สร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภครักเรา  โฟกัสแบรนด์ให้น้อยลง จาก 48 แบรนด์  ปรับให้เหลือแค่ 14 แบรนด์ ทั้งกลุ่มพรีเมียมและแวลู ซึ่งมากพอตอบสนองลูกค้าแต่ละกลุ่มแต่ละระดับราคา รวมถึงการสร้างแบรนด์ระยะยาว คุณภาพไว้ใจได้   3.ขยายพอร์ตโฟลิโอไปธุรกิจโรงพยาบาล อนาคตธุรกิจนี้ยั่งยืน สร้างรายได้ระยะยาว  4.ร่วมกับพันธมิตรพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าและบริการ ให้ดียิ่งขึ้น และ 5.Digital Zing Pruksa  ส่วนแรกเน้นเรื่องการขาย เพราะพบว่าออนไลน์ สร้างยอดขายได้ดีกว่าเทรดดิชั่นนอลกว่า 3 เท่า โดยเว็บไซต์พฤกษามียอดผู้เข้าชมสูงสุดกว่า 90 ล้านคน และก้าวขึ้นมาเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งของธุรกิจอสังหาฯ จะมีการเพิ่มสัดส่วนการใช้งบออนไลน์มากขึ้นจากเดิมอยู่ที่ 25-30%
      “สิ่งสำคัญที่เพิ่มขึ้นมาและเป็นอีกส่วนทำอย่างต่อเนื่อง คือ การบริการหลังการขาย เพราะบ้านเป็นส่วนหนึ่งที่จะอยู่ตลอดชีวิต ยกระดับบริการให้ดีขึ้น สร้างความประทับใจ”
นำเมกะเทรนด์ประยุกใช้กับสินค้าและบริการ
         นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการนำเมกะเทรนด์ของตลาดในช่วงอีก 5 ปีข้างหน้ามาประยุกต์ใช้กับสินค้าและการบริการต่างๆของบริษัทที่จะมอบให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อเพิ่มคุณภาพและบริการ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าทั้งในวันนี้และอนาคต ประกอบกับการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในที่อยู่อาศัยเพื่อสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกบ้านให้อยู่อย่างมีความสุข ส่วนกลยุทธ์การตลาดจะใช้แบบดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งถือว่าเป็นประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยปีที่ผ่านมามียอดขายจากสื่อดิจิทัลอยู่ที่ 1.61 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปี 2559 สูงถึง 98%
ขณะเดียวกัน บริษัทยังจะยกระดับแบรนด์พฤกษาให้ดียิ่งขึ้น พร้อมปรับปรุงด้านงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้มีความผิดพลาดลดลงเป็น 0% ภายใน 2 ปี ซึ่งในปีนี้จะพยายามลดความผิดพลาดด้านการก่อสร้างให้ลดลงเหลือ 30-50% ซึ่งการพัฒนางานด้านการก่อสร้างที่ทำให้มีความผิดพลาดลดลงจะช่วยให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้น และส่งผลต่อการโอนโครงการของลูกค้าที่มีความราบรื่น และเปลี่ยนกลับมาเป็นรายได้ให้กับบริษัทได้อย่างรวดเร็ว
       สุพัตรา กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายในช่วง 4-5 ปี ( 2561-2565) จะเพิ่มอัตรากำไรสุทธิเป็น 15% โดยจะเน้นการกระจายรายได้ไปในธุรกิจต่างๆมากขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจโรงพยาบาลวิมุติ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพื่อเป็นการหา New S Curve ใหม่ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการทำแผนธุรกิจในช่วง 3-5 ปี โดยคาดว่าแผนธุรกิจดังกล่าวจะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 1 เปิดโครงการใหม่ 75 โครงการ
    สำหรับปีนี้ ตั้งเป้ายอดขาย 53,742  ล้านบาท เติบโต 13.1% จากปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 47,500  ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้50,500 ล้านบาท เติบโต10%  พร้อมวางแผนเปิดโครงการใหม่ในกลุ่มแวลูและพรีเมียมรวม 75 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 66,700  ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์โฮม 44 โครงการ บ้านเดี่ยว 18 โครงการ คอนโดมิเนียม 5 โครงการ และโครงการในกลุ่มพรีเมียมอีก 8 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เปิดไปแล้วทั้งหมด 56 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 59,200 ล้านบาท
     ด้านภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 ในกรุงเทพฯและปริมณฑล คาดว่าจะมียอดขายเติบโตจากปีก่อน 5% หรือมีมูลค่าตลาดรวมราว 4.2 แสนล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนด้านโครงสร้างการคมนาคมของภาครัฐ ขณะที่ภาพรวมของยอดโอนในปีนี้ทั้งตลาดคาดว่าอยู่ที่ 3 แสนล้านบาท ซึ่งตลาดหลักที่ขับเคลื่อนการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเป็นตลาดในกรุงเทพฯที่มีการเติบโตอย่างมาก จากการลงทุนต่างๆในด้านการคมนาคมของภาครัฐที่จะมีรถไฟฟ้าครอบคลุมหลายๆพื้นที่ในกรุงเทพฯ จะเริ่มแล้วเสร็จในอีก 2-3 ปีข้างหน้า  แม้ว่าจะส่งผลต่อราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาที่ดินในประเทศไทยยังต่ำกว่าราคาที่ดินในประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลบวกต่อภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
บทความและเรียบเรียงโดย :  กัญสุชญา สุวรรณคร (บรรณาธิการข่าว PropDNA)