‘เอสซีจี ไฮม์’ ชูโซลูชั่นครบวงจร รุกตลาด ‘รีบิลด์’ ก้าวสู่แบรนด์ผู้นำสร้างคุณภาพชีวิตยุคไฮบริด ไลฟ์

‘เอสซีจี ไฮม์’ ชูโซลูชั่นครบวงจร รุกตลาด ‘รีบิลด์’
ก้าวสู่แบรนด์ผู้นำสร้างคุณภาพชีวิตยุคไฮบริด ไลฟ์

เปิดแนวรุก ‘เอสซีจี ไฮม์’  ส่งนวัตกรรมสร้างบ้านคุณภาพสูงแบบครบวงจร พร้อมลุยตลาด‘รีบิลด์’ รับเทรนด์การใช้ชีวิตวิถีใหม่แบบไฮบริด ทุกพื้นที่ในบ้านสร้างความสุขและรองรับกิจกรรมเพื่อผู้อยู่อาศัยทุกช่วงวัย เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจ และแบรนด์ ผ่าน 3 หัวใจหลัก “มาตรฐาน-นวัตกรรม-บริการหลังขาย” หวังครองเบอร์หนึ่งในใจผู้บริโภคที่ต้องการมีบ้าน

นายวีระเดช โกวพัฒนกิจ ผู้จัดการการตลาด บริษัท เอสซีจี เซกิซุย-เซลส์ จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดย 3 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจสร้างบ้านในยุคนี้คือ การบริการที่ครบวงจร คุณภาพการอยู่อาศัยและสุขภาพของเจ้าของบ้าน รวมถึงสมาชิกในครอบครัว อีกทั้งการดีไซน์ ฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัย

“ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมากขึ้น ทั้งด้านสุขภาพ สุขอนามัย และสร้างพื้นที่ความสุข
ในการอยู่อาศัยให้กับตัวเองและครอบครัว ด้วยการมองหาสิ่งที่มาเติมเต็มชีวิต และหลีกหนีความวุ่นวายจากสังคมภายนอก”

ส่องโอกาสตลาด “รีบิลด์”

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พบว่า ตลาดรีบิลด์ (re-built) ตลาดรับสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองมีแนวโน้มเติบโตกว่า 50% โดยการขยายตัวของตลาดนี้นับเป็นสัดส่วนสูงถึง 15% ของตลาดสร้างบ้านในภาพรวม ส่วนหนึ่งมาจากแผนของลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านอยู่แล้ว เมื่อมีปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ เช่น ราคาวัสดุก่อสร้าง ราคาน้ำมัน นับเป็นตัวเร่งการตัดสินใจให้เร็วขึ้น

ปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดรีบิลด์ขยายตัวยังมาจากที่ดินเริ่มหายากขึ้น โดยเฉพาะในทำเลกลางเมือง ทำให้
ความต้องการส่วนหนึ่งเข้าไปซื้อบ้านแล้วทำการรีบิลด์ เพื่อให้ได้บ้านสวยตรงใจบนทำเลที่ต้องการ ขณะที่อีกส่วนมาจากการส่งต่อบ้านพร้อมที่ดินจากรุ่นสู่รุ่นหรือทรัพย์สินมรดก ซึ่งอายุและโครงสร้างบ้านมีอายุหลายปี ทำให้มีข้อจำกัดหากมี
การต่อเติม

ผู้บริโภคมองหาบ้านที่ตอบโจทย์ชีวิตไฮบริด

เมื่อโควิด-19 เข้ามาส่งผลให้ทุกคนใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น ทำงานที่บ้าน หรือเรียนที่บ้านมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มองหานวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาสร้างความปลอดภัยให้กับตัวเองและคนในครอบครัว ซึ่งก็เป็นอีกเหตุผลที่
ทำให้ดีมานด์ในตลาดแนวราบ รวมถึงตลาดรับสร้างบ้านขยายตัวในช่วงที่ผ่านมา จากความต้องการพื้นที่ใช้สอยกว้างขึ้น และฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายเหมาะกับสมาชิกในบ้านที่มีหลายช่วงวัย

“สิ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงคือ ลูกค้าต้องการพื้นที่เอนกประสงค์รองรับกิจกรรมของทุกคนในบ้าน รวมถึงปรับใช้เป็นห้องทำงาน ห้องเรียน ห้องสันทนาการที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ด้านนอก รวมถึงต้องการให้มีห้องนอนชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุ โดย เอสซีจี ไฮม์​ มี 150 แบบบ้าน ที่รองรับให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย เพราะการใช้ชีวิตวิถีใหม่ บ้านไม่ใช่พื้นที่อยู่อาศัยอย่างเดียว แต่เป็นพื้นที่ทำกิจกรรม ทำงาน สังสรรค์ ด้วยเหตุนี้พื้นที่บ้านจึงต้องใหญ่กว่าการอยู่อาศัย และจากพื้นที่ที่ขยายก็ทำให้มูลค่าบ้านเพิ่มขึ้นด้วย”

นอกจากก่อสร้างบ้าน เอสซีจี ไฮม์ ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ดีต่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ซึ่งนับได้ว่าผู้บริโภค
ให้การตอบรับเป็นอย่างมากในการนำมาใช้ในบ้านปัจจุบัน ได้แก่ Air Tightness System การประกอบบ้านปิดช่องว่าง
ทุกรอยต่อทั้งประตู หน้าต่างและผนัง และ Air Factory System ระบบหมุนเวียนอากาศพร้อมไส้กรอง 3 ชั้น ทำหน้าที่

กรองอากาศจากภายนอกเข้าสู่บ้านเพื่อความสะอาดและลดกลิ่นรบกวนจากภายนอก นอกจากนี้ยังมีระบบ
ไอออนไนเซอร์ (Ionizer System) เทคโนโลยีกรองอากาศภายในบ้าน ด้วยการปล่อยไอออน (ion) อนุภาคไฟฟ้า
ประจุลบและบวกในอากาศ ที่สามารถช่วยลดปริมาณเชื้อรา สารฟอร์มาลดีไฮด์ ไวรัส และสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นในอากาศก่อนนำเข้าสู่ภายในบ้าน

ส่งมอบโซลูชั่นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี 

              นายวีระเดช กล่าวว่า ตลาดรีบิลด์​ เป็นอีกโอกาสของเอสซีจี ไฮม์ ในการส่งมอบบริการสร้างบ้านที่มีคุณภาพ
ให้กับลูกค้า ซึ่งจะดำเนินการไปพร้อมกับการตอบโจทย์ความต้องการของคนที่เตรียมสร้างบ้านใหม่ในปีนี้และในอนาคต “มาตรฐาน” ที่เอสซีจี ไฮม์ ยึดมั่นในการส่งมอบงานคุณภาพให้กับลูกค้ามาโดยตลอดคือ มาตรฐานงานก่อสร้างและ มาตรฐานงานบริการ

ด้าน “มาตรฐานงานก่อสร้าง” บ้านเอสซีจี ไฮม์ ผลิตด้วยเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น ในส่วนของโครงสร้าง
กว่า 80% แล้วเสร็จที่โรงงาน จากนั้นแล้วนำมาประกอบที่หน้างานโดยใช้ระบบ Modular โดยระหว่างการผลิตจะมีระบบตรวจสอบคุณภาพในโรงงานด้วยหุ่นยนต์ และเมื่อประกอบกับเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยทำให้มั่นใจได้ว่าบ้าน
ที่ผลิตออกมานั้นจะสามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 แบคทีเรีย สารก่อภูมิแพ้ และเสียงรบกวนจากภายนอก

โดยข้อดีของการก่อสร้างบ้านในระบบนี้ อยู่ที่การมีโครงสร้างที่แข็งแรง ระบบการดูแลรักษาที่ง่าย มีการรับประกันและบริการตรวจเช็คสภาพบ้านฟรีทุกหลังตลอด 20 ปี

“มาตรฐานงานบริการ” บ้านเอสซีจี ไฮม์ ให้บริการแบบครบวงจรกับลูกค้า ตั้งแต่เดินเข้ามาติดต่อจนถึงพร้อมเข้าอยู่ ด้วย 7 ขั้นตอนการทำงานที่เป็นมาตรฐานมืออาชีพ ได้แก่ 1. ออกแบบบ้าน 2. เตรียมพื้นที่ก่อสร้าง
3. ผลิตโครงสร้างบ้านในโรงงาน 4. ทำฐานรากและระบบใต้บ้าน 5. ยกตั้งบ้านและติดตั้ง 6. งานวัสดุและพื้นผิว
(งานอาคารประกอบและงานตกแต่งภายใน) และ 7. ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนส่งมอบ

ตอกย้ำแบรนด์ผู้นำนวัตกรรมสร้างบ้าน

สำหรับ 3 แบบบ้านที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ได้แก่ 1. ULTIMATE 4-1 B พื้นที่ใช้สอย 449.6 ตร.ม.
(ตารางเมตร) โดดเด่นด้วย Double volume ขนาดใหญ่ ทำให้ภายในโปร่ง โล่ง รู้สึกสบาย ทุกห้องจัดวางพื้นที่ใช้สอย
เป็นสัดส่วน ครบครันทุกการใช้งาน ราคา 24.3 ล้านบาท

  1. HARMONY 930 A บ้าน 2 ชั้น สไตล์ CONTEMPORARY พื้นที่ใช้สอย 298.4 ตร.ม. สำหรับครอบครัว
    ขนาดกลาง ออกแบบให้ดูเรียบง่ายแต่สง่างาม ราคา 14.7 ล้านบาท

และ 3. HARMONY 630 E พื้นที่ใช้สอย 351.0 ตร.ม.บ้านสไตล์ NATURE โดดเด่นด้วยการเลือกใช้วัสดุ
ที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง รู้สึกสบายของผู้อยู่อาศัย ราคา 17.9 ล้านบาท

จากประสบการณ์กว่า 13 ปี เอสซีจี ไฮม์ สร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านการพัฒนาด้านคุณภาพงานก่อสร้างและบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับเทรนด์พฤติกรรมการอยู่อาศัย-ใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป

“เอสซีจี ไฮม์ ขอเป็นตัวเลือกแรกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้ากลุ่มครอบครัวใน 74 จังหวัดทั่วประเทศ ที่กำลังมองหาบ้านแนวราบหลังใหม่ และ สร้างบ้านหลังใหม่บนที่ดินเดิม หรือ รีบิลด์ ซึ่งจนถึงวันนี้เราได้ส่งมอบบ้านคุณภาพให้กับลูกค้ามากกว่า 1,200 ครอบครัว” นายวีระเดช กล่าว 

สำหรับผู้ที่สนใจนวัตกรรมการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ และบริการสร้างบ้านจากทาง เอสซีจี ไฮม์ สามารถเข้าเยี่ยมชมนวัตกรรมต่างๆได้ที่ บ้านตัวอย่างเอสซีจี ไฮม์ สาขา คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ เลียบด่วนรามอินทรา และเดอะ เซอร์เคิล ราชพฤกษ์ ได้ทุกวัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-102-2800 ไลน์ @SCGHEIM ติดตามข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก SCG HEIM