แสนสิริปั้น “กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้” 500 ไร่ มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ชูจุดแข็ง ทำเลโครงการ – คอมมูนิตี้สิ่งแวดล้อม – สิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมผนึกพาร์ทเนอร์ “สร้างสังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ” บนทำเลดีที่สุด พร้อมเดินหน้าเปิดอีก 3 โครงการบ้านเดี่ยวระดับบน ในปี 65

แสนสิริปั้น “กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้” 500 ไร่ มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท
ชูจุดแข็ง ทำเลโครงการ – คอมมูนิตี้สิ่งแวดล้อม – สิ่งอำนวยความสะดวก
พร้อมผนึกพาร์ทเนอร์ “สร้างสังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ” บนทำเลดีที่สุด
พร้อมเดินหน้าเปิดอีก 3 โครงการบ้านเดี่ยวระดับบน ในปี 65
 

  • แสนสิริเผยกรุงเทพฯ เติบโตสู่เมืองขยาย” เกิดเป็น คอมมูนิตี้ ในเมืองใหญ่ คล้ายการเติบโตของเมืองใหญ่ทั่วโลก ชูศักยภาพกรุงเทพกรีฑาเป็นทำเลที่อยู่อาศัยโซนตะวันออกที่เติบโตสูงสุด ราคาที่ดินพุ่ง 150% ในระยะเวลา 10 ปี ชี้ราคาที่ดินช่วงต้นถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์ -ร่มเกล้า) ราคาพุ่ง จากการแวดล้อมด้วยคอมมูนิตี้และสิ่งอำนวยความสะดวกมากที่สุด ขณะที่ราคาที่ดินติดถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ล่าสุดอยู่ที่ 140,000 บาทต่อตารางวา
  • ชี้โซนกรุงเทพกรีฑา เป็นคอมมูนิตี้ของการอยู่อาศัยที่น่าจับตา จากศักยภาพทำเล ตั้งอยู่ใน พื้นที่ “ผังเมืองสีเหลืองซึ่งนับเป็นโซนที่อยู่อาศัยน่าอยู่ที่สุดของกรุงเทพฯ เชื่อมต่อถนนสายหลักหลายเส้นทาง และ ถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ขนาด 6 เลนพร้อมรายล้อมด้วยเส้นทางรถไฟฟ้า เข้าสู่เมืองง่ายและรวดเร็ว
  • ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีส้มและสีเหลืองที่จ่อคิวเปิดให้บริการ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งโรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล และคอมมูนิตี้ มอลล์ชั้นนำ ส่งผลความต้องการที่อยู่อาศัย ขยายตัวอันดับหนึ่ง เติบโตราว 10%
  • ประกาศปั้นกรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้พื้นที่กว่า 500 ไร่ บนทำเลดีที่สุดของกรุงเทพกรีฑา พัฒนาโครงการมูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท ชูจุดแข็งของแสนสิริ ตั้งอยู่บน “ทำเลดีที่สุด 500 ไร่ ใจกลางกรุงเทพกรีฑา เข้า-ออกได้ถึง 2 เส้นทาง” ทางถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ถนนศรีนครินทร์ -ร่มเกล้า) และรามคำแหง พร้อมจับมือพาร์ทเนอร์ สร้าง “สังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบบนดีไซน์ที่โดดเด่นของแต่ละโครงการ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ รวมถึงความปลอดภัยด้วย LIV-24
  • ลั่นเดินหน้าเปิดอีก 3 โครงการบ้านเดี่ยวระดับบนใน “กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้” ของแสนสิริในปี 65 หลังประสบความสำเร็จ ปิดการขาย 2 โครงการบ้านเดี่ยว เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑาและเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2 มูลค่ารวม 7,500 ล้านบาท เชื่อมั่นจุดแข็งในทำเล เหนือคู่แข่งและประสบการณ์ความสำเร็จจากการพัฒนา T77 บนเนื้อที่ 50 ไร่กลางสุขุมวิท 77 ดันสร้างสังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบแห่งใหม่ เดินหน้ากวาดเป้ายอดขาย – ยอดโอนโครงการแนวราบที่ 24,000 ล้านบาท หลังโกยยอดขายแนวราบแล้ว 8,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 40% จากเป้ายอดขายรวมโครงการแนวราบของแสนสิริ

นายอุทัย  อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรุงเทพฯ กำลังเติบโตสู่เมืองขยาย เกิดเป็น “คอมมูนิตี้ ในเมืองใหญ่” คล้ายการเติบโตเมืองใหญ่ทั่วโลก หรือยกตัวอย่างที่เห็นชัด เช่น ย่านการเติบโตต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่น ที่สัมผัสถึง อารมณ์เมืองของแต่ละเขต อาทิ ย่านอาซาคูซะ ย่านชิบูย่า ย่านกินซ่า ย่านชินจูกุ การจับกลุ่มของเมืองย่อยหรือ Cluster จะเกาะกลุ่มด้วยโลเคชั่นใกล้สถานีรถไฟฟ้าต่อขยายออกไปเรื่อย ๆ สิ่งอำนวยความสะดวกจะไม่รวมอยู่ในศูนย์กลางกรุงเทพชั้นใน แต่จะกระจายออกไปยังพื้นที่อยู่อาศัยโดยรอบกรุงเทพฯ ประกอบกับโครงข่ายการคมนาคมที่ทำให้การเดินทางเข้าสู่เมืองง่ายมากขึ้น ทั้งนี้ แสนสิริเล็งเห็นว่า ทำเล “กรุงเทพกรีฑา” จะเป็นอีกหนึ่งทำเลในเมืองใหญ่ของกรุงเทพฯ ที่มีศักยภาพในการพัฒนาและเติบโตสูง จึงพัฒนา “กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้” (Krungthep Kreetha Community) รองรับการพัฒนาสังคมอยู่อาศัยประมาณ 500 ไร่ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท รองรับความต้องการที่อยู่อาศัย ตลอดจนส่งมอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ หลังประสบความสำเร็จ ปิดการขาย 2 โครงการบ้านเดี่ยว เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑาและเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2  ในทำเลนี้ ขนาดพื้นที่รวม 155 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 7,500 ล้านบาท ที่ตอบโจทย์ทั้งอยู่อาศัยเองและปล่อยเช่าในคอมมูนิตี้ของชาวต่างชาติที่ทำงานในโรงเรียนนานาชาติที่อยุ่ในทำเล ทำให้ได้อัตราค่าเช่าที่ดีและสูงกว่าในทำเลอื่น

กรุงเทพกรีฑา” นับเป็นคอมมูนิตี้การอยู่อาศัยที่น่าจับตามอง เพราะเป็นย่านที่อยู่อาศัยระดับเรสซิเดนซ์เชียลของโครงการแนวราบ ในกรุงเทพฯ โซนตะวันออก จากทำเลศักยภาพที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ “ผังเมืองสีเหลือง” ของกรุงเทพฯ ซึ่งหมายถึงพื้นที่มีความหนาแน่นของการอยู่อาศัยน้อย และเป็นเขตปลอดแหล่งอุตสาหกรรม เหมาะแก่การเป็นที่อยู่อาศัยที่เน้นคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดี ประกอบกับมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลและคอมมูนิตี้มอลล์ชั้นนำ เป็นทำเลในเมือง เดินทางง่ายสู่กรุงเทพชั้นใน (CBD) ด้วยถนนสายหลักตัดใหม่ อย่างถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า) ซึ่งเป็นถนนขนาด 6 เลน ใกล้ทางด่วน เชื่อมต่อการคมนาคมทุกเส้นทาง เข้าสู่เมืองง่ายและรวดเร็ว ด้วยถนนพระรามเก้า – มอเตอร์เวย์, ถนนกรุงเทพกรีฑา, ถนนพัฒนาการ, ถนนรามคำแหง, ถนนหัวหมาก, ถนนมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-ชลบุรี และถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก) เชื่อมต่อรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง และใกล้รถไฟฟ้าถึง 3 สาย คือสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างตามแนวถนนศรีนครินทร์คาดว่าจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่จะเชื่อมระหว่างตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพฯ กำหนดแล้วเสร็จในปี 2566 รวมถึงรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ และยังเป็นทำเลที่อยู่ใกล้ สนามบินสุวรรณภูมิ อีกด้วย ส่งผลให้ราคาที่ดินของทำเลกรุงเทพกรีฑาพุ่งสูงขึ้นถึง  150% ในเวลา 10 ปี โดยเฉพาะราคาที่ดินในช่วงต้นถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ราคาพุ่ง จากการแวดล้อมด้วยคอมมูนิตี้และสิ่งอำนวยความสะดวกมากที่สุด ขณะที่ราคาที่ดินติดถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ล่าสุดอยู่ที่ 140,000 บาทต่อตารางวา จากความต้องการการอยู่อาศัยในพื้นที่นี้ที่ขยายตัวอันดับหนึ่ง เติบโตขึ้นราว 10%

ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาที่ดินทำเลกรุงเทพกรีฑา จำนวน 500 ไร่ของแสนสิริ ให้เป็น “กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้” ด้วยจุดแข็งในทำเล 3 ด้านหลัก ได้แก่ Location ตั้งอยู่ในทำเลดีที่สุดของกรุงเทพกรีฑา ที่มีความโดดเด่นของพื้นที่โครงการ เข้าออกโครงการได้ถึง 2 เส้นทาง ทั้งทางถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์ -ร่มเกล้า) และถนนรามคำแหง เดินทางเข้าศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ได้ง่ายดาย โดยทางด่วนศรีบูรพาที่อยู่ใกล้เพียง 2 ก.ม. รถไฟฟ้าสายสีส้มที่อยู่ใกล้เพียง 2.3 ก.ม. และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 4 ก.ม. เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิด้วยถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า) หรือมอเตอร์เวย์ โดยใช้เวลาเพียง 20 นาที ทั้งยังเชื่อมต่อด้วยถนนสายสำคัญต่างๆ เข้าสู่เมืองง่ายดายด้วยถนนพระรามเก้า – มอเตอร์เวย์ ขึ้นทางด่วน เข้าสู่ทองหล่อด้วยเวลาเพียง 20 นาที รวมทั้ง Community ความเป็นสังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ ที่พัฒนาภายใต้แนวคิด “You are Made for Life” ประกอบไปด้วยโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ ที่ปิดการขายแล้ว ได้แก่ เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา และ เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา2 ที่ได้รับการตอบรับที่ดี ในขนาดพื้นที่รวมของทั้งสองโครงการ จำนวน 155 ไร่ รวม 483 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 7,500 ล้านบาท

นายอาณัติ  กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้แสนสิริยังมีเพื่อนบ้าน (Neighborhood) พันธมิตรชั้นนำ ที่มาร่วมเติมเต็มให้ กรุงเทพกรีฑาคอมมูนิตี้ เป็นสังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น อาทิ โรงเรียนนานาชาติไบรท์ตัน คอลเลจ ที่อยู่ใกล้เพียง 900 เมตร โรงเรียนนานาชาติ เวลลิงตัน คอลเลจ ที่อยู่ใกล้เพียง 3.2 กิโลเมตร  โรงเรียนนานาชาติ แมนดาริน ที่อยู่ใกล้เพียง 1.2 กิโลเมตร โรงพยาบาล สมิติเวช ศรีนครินทร์ เพียง 4.2 กิโลเมตร และมาร์เก็ต เพลส คอมมูนิตี้ มอลล์จากสยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ (SF) เพียง 2.5 กิโลเมตร ที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต สู่การเป็นเมืองแห่งสังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบที่ดีที่สุดแห่งต่อไป พร้อมอีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญ Design – Facility – Security ดีไซน์และสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางสำหรับลูกบ้านแสนสิริในทุกโครงการ อาทิ คลับเฮาส์พร้อมสระว่ายน้ำระบบเกลือ ฟิตเนส สวนส่วนกลาง สนามเด็กเล่น และ Sansiri Backyard สวนผักปลอดสาร ที่มีอยู่ในแต่ละโครงการ รวมถึงความปลอดภัยในการอยู่อาศัยที่อุ่นใจตลอด 24 ชั่วโมง ด้วย SECURITY พร้อม LIV-24 ระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานแสนสิริ รวมถึงการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบโครงการ อาทิ  “The Greenery Line” หรือ ถนนสีเขียวที่ขนาบด้วยต้นไม้ใน 2 ข้างทางพร้อมเสาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และการวางระบบสายไฟลงใต้ดิน เพื่อปล่อยให้ต้นไม้ตลอดเส้นทางเติบโตได้อย่างเต็มที่ กลายเป็นถนนอุโมงค์สีเขียวชอุ่มในอนาคต ตลอดแนวระยะทางกว่า 1.7 ก.ม. ที่ตัดผ่านพื้นที่ 500 ไร่ ทะลุสู่ถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า) และถนนรามคำแหงได้ในเวลาเพียง 2 นาที

กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้ภายใต้แผนการพัฒนารวมประมาณ 500 ไร่ จะมีการพัฒนาโครงการใหม่ โดยเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับบนในปีนี้อีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 9,300 ล้านบาท ได้แก่ นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา พื้นที่โครงการ 57 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา พื้นที่ 85 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรที่สำคัญของแสนสิริ บริษัท โตคิว       คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ที่ให้ความสนใจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกันในทำเลนี้ จากการมองเห็นศักยภาพของทำเล รวมทั้งต่อยอดแบรนด์เรสซิเดนท์เชียลที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในปีนี้ผ่านมา เปิดตัว “บูก้าน กรุงเทพกรีฑา” พื้นที่ 19 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท ในทำเลนี้อีกด้วย รวมถึงโครงการในอนาคต รวมพื้นที่สังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ ทั้งหมดประมาณ 500 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 30,000 ล้านบาท โดยแสนสิริมั่นใจว่า ด้วยจุดแข็งของ กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้ ของแสนสิริในทำเลที่มีเหนือคู่แข่ง และการพัฒนาสังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบภายใต้แนวคิด “You are Made for Life” ในครั้งนี้จะเป็นการพัฒนาพื้นที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ครอบคลุมและประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับการพัฒนา แสนสิริ ทาวน์ สุขุมวิท77 บนพื้นที่ 50 ไร่ใจกลางสุขุมวิท 77 ในช่วงที่ผ่านมา โดยแสนสิริได้เตรียมเปิดการขาย นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ที่มีความต้องการสูงจากกลุ่มลูกค้าแสนสิริ ในทำเลนี้อีกด้วย โดยวางแผนเปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้ ทั้งนี้ จากการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าและความสำเร็จในการพัฒนาโครงการแนวราบของแสนสิริในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมายังส่งผลให้แสนสิริ มียอดขายจากโครงการแนวราบแล้วไปแล้ว 8,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 40% จากเป้ายอดขายโครงการแนวราบที่วางไว้ 24,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นยอดขายที่ดีที่จะดันให้ทำผลงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายอุทัย กล่าวปิดท้าย