“เอพี”ชี้ต้นทุนที่ดินพุ่งดันราคาคอนโดแพงขึ้น40%

“เอพี”  เผยราคาที่ดินพุ่งสูง 30-40% เพิ่มสัดส่วนต้นทุนที่ดินเป็น 50% ดันราคาคอนโดเปิดใหม่แพงขึ้น ชี้ทำเล อโศกในรอบ  5 ปี ราคาคอนโดพุ่ง 40% ขณะที่ลาดพร้าว ปรับขึ้น 30% เผยแผนลงทุนครึ่งปีหลังเปิดคอนโด 3 โครงการ มูลค่า 20,400 ล้านบาท ล่าสุดเปิด 2 โครงการแบรนด์”ไลฟ์”มูลค่ารวม 12,100 ล้านบาท  ครึ่งปีกวาดยอดขาย 17 ,300 ล้านบาท

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมราคาที่ดินที่นำมาพัฒนาโครงการปรับตัวขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ดินทำเลใกล้ใจกลางเมือง ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า  พบว่าโดยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้น 30-40% ส่งผลให้ต้นทุนที่ดินเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% ของต้นทุนการพัฒนา จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 25-30%   ซึ่งส่งผลต่อการปรับเพิ่มขึ้นของราคาคอนโดมิเนียมพอสมควร แม้ว่าต้นทุนค่าก่อสร้างไม่ได้ปรับขึ้นมากนักก็ตาม  โดย 5 ปีที่ผ่านมา 2557-2561 ราคาคอนโดมิเนียม ย่านอโศก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 40% และย่านลาดพร้าว ปรับเพิ่มขึ้น 30%

สำหรับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บน ในทำเลใจกลางเมืองที่เป็นจุดเชื่อมต่อ เช่น พหลโยธิน-อารีย์-ลาดพร้าว และย่านเชื่อมต่ออโศก-พระราม 9-รัชดาภิเษก มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา โดยจากการสำรวจการเปิดตัวโครงการใหม่ในทำเลพหลโยธิน-อารีย์-ลาดพร้าว พบว่า มีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ 19 โครงการ มียอดขายรวมกว่า 85%  ราคาขายเฉลี่ย 158,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนทำเลเชื่อมต่ออโศก-พระราม 9 – รัชดาภิเษก พบคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ 14 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายรวมแล้วกว่า 90%  ราคาขายเฉลี่ย 169,000 บาทต่อตารางเมตร

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 20,400 ล้านบาท โดยเป็นโครงการภายใต้การร่วมทุนระหว่าง บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) และ มิตซูบิชิ จิโช เรสซิเดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ได้แก่โครงการ ไลฟ์ ลาดพร้าว แวลลีย์ บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ สูง 44 ชั้น จำนวน 1,140 ยูนิต มูลค่า 6,400 ล้านบาท ประกอบด้วยห้องชุดแบบสตูดิโอ ขนาด 28.80 ตารางเมตร แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35-37 ตารางเมตร  แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 48.60-66.50 ตารางเมตร  พร้อม Triple Facilities ในชั้น 6 ชั้น 44  และชั้น Mezzanine ราคาขายเริ่มต้นที่ 3.49 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลล์อย่างเป็นทางการพร้อมกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในวันที่ 4-5 ส.ค.นี้  โดยลูกค้าต่างประเทศ จะเปิดขายทั้งจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยที่ผ่านมามีสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศประมาณ 30%

ส่วนอีกโครงการ ไลฟ์ อโศก ไฮป์ ทำเลอโศก-พระราม 9  เป็นคอนโดมิเนียม สูง 40 ชั้น จำนวน 1,253 ยูนิต มูลค่า 5,700 ล้านบาท

ทั้งสองโครงการจะเน้นพัฒนาด้วยจุดขายที่แตกต่าง ด้วยการออกแบบ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบลักชัวรี่กลุ่มคนเมืองรุ่นใหม่ Young Achiever ผู้ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่หนุ่มสาวอายุระหว่าง 27-45 ปี หรือกลุ่มอายุเฉลี่ย 30 ปี ซึ่งเป็นตลาดคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อดีต่อเนื่อง

และโครงการ ดิ แอดเดรส สยาม-ราชเทวี มูลค่า 8,300 ล้านบาท กำหนดเปิดขายช่วงไตรมาส 4 ปีนี้

ครึ่งปีแรกทำยอดขาย 1.7 หมื่นล้าน

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวม 17,300 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียม 7,370 ล้านบาท และ แนวราบ 9,930 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52% ของเป้าหมายยอดขายรวมในปีนี้ที่ตั้งเป้าจะมียอดขายรวมอยู่ที่ 33,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในปัจจุบันบริษัทมียอดแบล็กล็อคมูลค่ารวมกว่า 52,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 9,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ในปีนี้ทั้งหมด และ คอนโดมิเนียม มูลค่า 43,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ภายในปีนี้มูลค่าประมาณ 10,300 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปถึงปี 2565และบริษัทมีคอนโดมิเนียมคงเหลือขายประมาณ 10,800 ล้านบาท