เรียลแอสเสทฯเปิดแบรนด์ใหม่“เซนต์”เจาะกลุ่มลูกค้า 4-6 ล้านบาท

เรียลแอสเสทฯ” เปิดตัวแบรนด์ใหม่ เซนส์ รุกตลาดแนวราบเจาะกลุ่ม 4-6 ล้านบาท นำร่องโครงการแรก” เซนส์ สายไหม 56” เผยทำเลสายไหมวัชรพล ฮอต ครึ่งปีแรกเปิดใหม่60 โครงการ รวม 3,800 ยูนิต

นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า  บริษัทได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ เซนส์ สำหรับเจาะกลุ่มลูกค้าแนวราบ 4-6 ล้านบาท นำร่องโครงการแรกคือ เซนส์ สายไหม 56 รูปแบบบ้านแฝดซีรีส์ใหม่อารมณ์บ้านเดียว มูลค่ารวม 643 ล้านบาท  บนพื้นที่โครงการ 22 ไร่ จำนวน 126 ยูนิต ขนาดพื้นที่ 36.4 – 50.4 ตารางวา มีแบบบ้านให้เลือก 2 แบบ พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 131 -151 ตารางเมตร

เนื่องจากแนวโน้มการขยายตัวของที่อยู่อาศัยของกรุงเทพฯ ฝั่งตอนเหนือ (บางเขน-วัชรพล-สายไหม-สุขาภิบาล 5) ที่มีแหล่งงาน โครงการเมกะโปรเจค และการพัฒนาระบบการคมนาคม  โดยเฉพาะทำเลสายไหม ถือว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพมีการคมนาคมขนส่งที่สะดวกต่อการเดินทาง อีกทั้งโครงการรถไฟฟ้าถึง 3 สาย ทำให้ราคาที่ดินในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมามีการปรับขึ้น 10-15%ต่อปีโดยราคาบ้านปัจจุบันจะอยู่ที่ 3-7 ล้านบาท ทั้งนี้มองว่าใน 5 ปีข้างหน้าราคาบ้านจะขยับขึ้นเป็น 5-10 ล้านบาทเข้ามาแทนที่

นอกจากนี้ ยังพบว่าตลาดยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยในครึ่งปีแรกทำเลสายไหม-วัชรพล มีโครงการใหม่เปิดตัวราว 60 โครงการ รวม 3,800 ยูนิต มีการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 3 ยูนิตต่อเดือน ซึ่งจำนวนซัพพลายในขณะนี้คาดว่าจะใช้เวลาในการดูดซับไม่เกิน 3 ปี

พร้อมกันนี้ บริษัทจะเร่งสร้างการรับรู้แบรนด์เซนส์ให้เป็นรับรู้แก่ผู้บริโภค โดยนำศิลปิน‘สิงโต นำโชค’ มาร่วมสร้างประสบการณ์ในบทบาท Design Artist ที่สื่อถึงออกแบบบ้านภายใต้แนวคิด “ความสุขที่พอเพียง” ที่เน้นความประณีตและมีดีไซน์ ทุกฟังก์ชั่นออกแบบให้ตอบโจทย์กับความเพียงพอต่อการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น โดยบริษัทตั้งงบทำตลาดที่ราว 100 ล้านบาท บริษัทเตรียมจัดงานโอเพ่นเฮาส์ในวันที่ 18-19 ส.ค.นี้ ขายราคาพิเศษ 3.59 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายถึงสิ้นปีนี้ 25 ยูนิต และพร้อมเปิดให้เข้าอยู่ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างไปแล้วราว 69%

ปัจจุบันบริษัทมีแลนด์แบงก์เฉพาะโครงการแนวราบ หลักๆ จะอยู่ทางโซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ และพื้นที่ภาคตะวันออก มูลค่า 2,000 ล้านบาท สามารถรองรับการพัฒนาโครงการไปได้ต่อเนื่องถึงปี 2564-2565 และบางแปลง บริษัทจะใช้เงินลงทุนในการจัดซื้อที่ดินเข้ามา หากเป็นทำเลที่มีศักยภาพ และเหมาะสมกับการพัฒนาโครงการ

สำหรับปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 3,500 ล้านบาท ครึ่งปีแรกทำยอดขายได้แล้วกว่า 50% ส่วนเป้ารับรู้รายได้ตั้งไว้ 1,860 ล้านบาท ครึ่งปีมีรายได้แล้วประมาณ 1,020 ล้านบาท