“ซิซซา กรุ๊ป” ปรับตัวรับมือโควิด-19 สร้างรายได้รอง-ขยายไลน์ธุรกิจตุนกระแสเงินสด

“ซิซซา กรุ๊ป” ปรับตัวรับมือโควิด-19
สร้างรายได้รอง-ขยายไลน์ธุรกิจตุนกระแสเงินสด
 

ซิซซา กรุ๊ป ปรับตัวรับมือโควิด-19 เพิ่มช่องทางรายได้รอง-ขยายไลน์ธุรกิจที่ปรึกษาสร้างบ้านระบบเทิร์นคีย์ หวังนำกระแสเงินสดเข้าหมุนเวียน โดยเฉพาะ Gift Voucher เข้าพัก 2 โรงแรมในเครือ นักลงทุนให้การตอบรับดี เตรียมขยายเวลาการขายออกไปถึงกลางเดือน ก.พ.64 รับสบช่องเจาะตลาดคนไทยเลยอยู่รอด เชื่อหลังรัฐเปิดน่านฟ้านักท่องเที่ยวคืนกลับ สอดรับเปิดตัว Natai Medical Center & Resort” เฟสแรก  คาดปีแรกมีลูกค้าใช้บริการ 40-50 ราย

นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนรูปแบบ “Investment Property : IP ” เปิดเผยว่า จากสถาการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ในรอบแรกเมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา และสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 4/2563 ที่ผ่านมา หลายภาคธุรกิจเริ่มฟื้นตัว และมีการลงทุนใหม่กันอีกรอบ แต่ผ่านระยะเวลาไปได้เพียง 2-3 เดือน  กลับมีการระบาดของโควิด-19 รอบ 2 ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายธุรกิจกลับทรุดตัวลงไปอีก โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและย่อม (Small and Medium Enterprise : SME) ที่หลายรายต้องปิดกิจการลง  โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว ส่วนที่ยังอยู่รอดก็สามารถเปิดกิจการต่อไปได้

สำหรับในส่วนของ ซิซซา กรุ๊ป เองก็มีการปรับตัวอย่างมาก ด้วยการลดต้นทุนในด้านค่าใช้จ่ายต่างๆ และให้พนักงานดึงศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ในงานให้มากขึ้น สามารถทำงานได้หลากหลาย Multi skill มากขึ้น

ขณะเดียวกันก็หาช่องทางอื่นที่เพิ่มรายได้จากการขายอสังหาฯและขายห้องพักของโรงแรม ด้วยการสร้างรายได้รองเพิ่มขึ้น ด้วยการนำสินค้าในอนาคตมาขายให้ลูกค้า อาทิ  การขาย Gift Voucher ให้กับลูกค้าที่สนใจใช้บริการโรงแรมของซิซซา กรุ๊ป ทั้ง 2 แห่ง “นาใต้ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา” (Natai Beach Resort and Spa)  และ “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” (Wyndham Grand Nai Harn) โดย Voucher มีระยะเวลา 2 ปี ในราคาเพียง 2,200 บาท  ระยะเวลาเข้าพัก 3 วัน 2 คืน (จากปกติราคา 10,000 บาท) ซึ่งปัจจุบันได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก และอาจขยายระยะเวลา ในการขาย Gift Voucher จากสิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม 2564 เป็นถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564  นอกจากนี้ยังมีการขายตั๋วงานอีเวนต์ล่วงหน้า 3-6 เดือน รวมไปถึงขยายไลน์ธุรกิจใหม่เพิ่มเติมคือ เปิดบริษัทให้คำปรึกษาและสร้างบ้านแบบเทิร์นคีย์ทั่วประเทศ ซึ่งจะเปิดตัวในเร็วๆนี้ เพื่อเป็นการนำกระแสเงินสดเข้าบริษัท และสร้างรายได้รองให้กับ ซิซซา กรุ๊ป

“ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดในรอบแรก โรงแรมต่างๆในภูเก็ตและพังงา ซึ่งถือว่าเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก ที่มุ่งเน้นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศถึง 80-90% และวิกฤติที่ผ่านมาทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ ผู้ประกอบการหลายราย มีการปรับตัวหันมาเน้นตลาดคนไทยมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีนัยยะที่สามารถทำตลาดรองรับคนไทยได้มาก หากจะไปเริ่มตลาดคนไทยก็จะช้า สู้ปิดบริการไปก่อน ดังนั้นส่วนใหญ่จึงได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก และจากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทราบว่าในช่วงวิกฤติที่ผ่านมามีผู้ประกอบการโรงแรมในภาคใต้ปิดและขายกิจการไปถึง 27% ซึ่งไม่ทราบสถานการณ์นี้จะยืดเยื้อนานแค่ไหน ก็คาดว่าเมื่อรัฐบาลเปิดเที่ยวบินให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้ เพราะทะเลอันดามัน ถือเป็นเป้าหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่แล้ว เมื่อวัคซีนฉีดครบ ก็เชื่อว่าภายในปลายปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวกลับมาประมาณ 40-50%” นายอรรถนพ กล่าว

ในขณะที่ซิซซา กรุ๊ป มีความได้เปรียบ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนที่อยู่ในกทม.เป็นหลัก จึงได้รับผลกระทบน้อยกว่า ส่วนธุรกิจโรงแรม“นาใต้ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา”ได้หันมาเน้นการตลาดเจาะกลุ่มคนไทยบ้างอยู่แล้ว และ “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” ที่เพิ่งเปิดให้บริการ ก็เริ่มทำตลาดคนไทยไปด้วย  แต่ในระยะแรกจะเปิดให้บริการเพียง 30 ห้องพัก จากทั้งหมด 353 ห้องพัก ในราคาเข้าพักที่ถูกกว่าช่วงระยะเวลาปกติ 2-3เท่าตัว ซึ่งถือเป็นโอกาสทองของลูกค้า

และเมื่อนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในประเทศไทยได้ ก็จะเป็นช่วงจังหวะที่กลุ่มซิซซา กรุ๊ป เปิดให้บริการ Natai Medical Center & Resort” โรงพยาบาลเพื่อสุขภาพ ความงาม และรีสอร์ตหรู’ มูลค่ากว่า 4,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมมือกับวีพลาส เมดิคอล กรุ๊ป  มีบริการทางการแพทย์ที่หลากหลาย อาทิเช่น ศูนย์ศัลยกรรมความงาม ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ฯลฯ ควบคู่ไปกับรีสอร์ตหรูระดับพรีเมียม เพื่อตอบสนองความต้องการของคนในปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลด้านสุขภาพและความงามมากขึ้น โดยสอดรับกับตลาดสุขภาพระดับโลก และนโยบาย ไทยแลนด์ เมดิคอล ฮับ ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ที่มุ่งเน้นให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ โดยเฟสแรกจะเป็นการสร้างคลินิกก่อนซึ่งเริ่มเมื่อปลายปี 2563 คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ภายในปลายปี 2564 นี้ โดยตั้งเป้าในปีแรกจะมีผู้ใช้บริการประมาณ 40-50 ราย โดยจะมีแพทย์ให้บริการเบื้องต้นใน 3 สาขาหลัก ได้แก่ Wellness Center, Anti-Aging Center และ IVF Centerโดยหลักๆจะเน้นดูแลป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพ เป็นการแพทย์สมัยใหม่ที่มุ่งเน้นป้องกันและชะลอความเสื่อมของร่างกายโดยพื้นฐาน เริ่มตั้งแต่การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและทันสมัยในการตรวจสภาวะของร่างกายโดยละเอียด

“เรามั่นใจว่าการให้บริการ ระดับโรงแรม 5 ดาวของเรา จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างแน่นอน เพราะเราเน้นในเรื่องเซอร์วิสที่ดีที่สุด โดยมั่นใจว่าเราจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้อย่างแน่นอน เพราะผ่านมาแล้วในหลายวิกฤติ และพนักงานเองก็มีประสบการณ์และมีความจริงใจในการช่วยผลักดันให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้” นายอรรถนพ กล่าวในที่สุด