จับตาอสังหาฯ ลีสโฮลด์ ขยายตัวรับที่ดินในเมือง

อสังหาริมทรัพย์แบบลีสโฮลด์ (Leasehold) หรืออสังหาริมทรัพย์ในแบบสิทธิการเช่าที่ถือครองกรรมสิทธิ์ตามช่วงระยะเวลาในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากขึ้น จากการที่ที่ดินแบบฟรีโฮลด์ (Freehold) หรือที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ใจกลางเมือง ย่านหลังสวน-เพลินจิต-ชิดลม-ราชดำริ ซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ หรือ CBD (Central Business District) ที่สำคัญของประเทศไทยเริ่มเหลือน้อยลงเต็มที เป็นเจ้าของได้ยากขึ้น

 

ขณะที่ความต้องการในการพัฒนาที่ดินในเมืองทั้งกลุ่มเชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัยยังมีอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีการนำที่ดินลีสโฮลด์ (Leasehold) ออกมาพัฒนาบนย่านดังกล่าวจึงได้รับการตอบรับดีไม่แพ้โครงการในแบบฟรีโฮลด์ (Freehold) อีกทั้ง ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed Use บนที่ดินลีสโฮลด์ (Leasehold)  ที่เกิดขึ้นบนทำเลใจกลางเมืองย่านหลังสวนเพลินจิต-ชิดลม-ราชดำริ จะส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าว กลายเป็นตลาดหลักของการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้ จากการสำรวจโครงการ Mixed Use ขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นบริเวณรอบสวนลุมพินี มีด้วยกัน 3 โครงการ ซึ่งมีมูลค่ารวมกันแล้วเฉียดๆ 2 แสนล้านบาท ได้แก่ โครงการ One Bangkok มูลค่ารวม 1.2 แสนล้านบาท โครงการ SINDHORN VILLAGE มูลค่ารวมกว่า 39,000 ล้านบาท และโครงการร่วมทุนระหว่างกลุ่มดุสิตธานีและเครือเซ็นทรัล บนที่ดินเดิมของโรงแรมดุสิตธานีที่จะถูกพัฒนาให้เป็นโครงการ Mixed use ที่ประกอบไปด้วย อาคารสำนักงาน, โรงแรม, ค้าปลีก และที่พักอาศัย

ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยย่านนี้สูงขึ้น โดยโครงการประเภทที่อยู่อาศัยบนที่ดินลีสโฮลด์ (Leasehold) ย่านใจกลางเมืองจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นของทั้งกลุ่มผู้ซื้ออยู่เอง และซื้อเพื่อการลงทุน บนทำเลศักยภาพย่านใจกลางเมืองที่เป็นเจ้าของได้ยากขึ้น

โครงการ “สินธร วิลเลจ” (SINDHORN VILLAGE) ที่พัฒนาโดยบริษัท สยามสินธร ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบลีสโฮลด์ สิทธิการเช่าระยะยาว 30 ปี และได้รับสิทธิต่ออายุอีก 30 ปี โดยสยามสินธรจะเป็นผู้ดูแล และบริหารจัดการเองทั้งหมด จึงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยโครงการสินธร วิลเลจ (SINDHORN VILLAGE) ประกอบไปด้วย คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ จำนวน 5 อาคาร (Sindhorn Residence / Sindhorn Tonson / Sindhorn Lumpini อีก 2 โครงการอยู่ในระหว่างการพัฒนา) โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ 3 อาคาร และ พื้นที่ค้าปลีก (Walking Street)

ทั้งนี้ นายขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการบริหาร บริษัท สยามสินธร จำกัด กล่าวว่า โครงการสินธร วิลเลจ ผ่านการออกแบบด้วยแนวคิด Living in the Park และก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ 2 โครงการคือ สินธร เรสซิเดนซ์ และสินธร ต้นสน โดยทุกโครงการมีจุดแข็งดังนี้

  1. ความเป็น Best Location โครงการของสยามสินธรนั้นนอกจากจะอยู่ใจกลางเมืองบนถนนหลังสวนจรดถนนสารสิน ยังได้จัดสรรพื้นที่โครงการให้มีสวนขนาดใหญ่เพื่อสร้างบรรยากาศที่อยู่อาศัยให้ร่มรื่น ให้ความเป็นส่วนตัว มุ่งเน้นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย ใกล้ CBD ย่านธุรกิจที่เป็นทั้งออฟฟิศทำงาน สถานศึกษาชั้นนำ โรงพยาบาล และแหล่งช้อปปิ้ง เดินทางสะดวก โอบล้อมด้วยพื้นที่สีเขียว ตอบโจทย์ทั้งคนที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและซื้อเพื่อลงทุน
  2. โครงการที่อยู่อาศัยแบบลีสโฮลด์ (Leasehold) มีระดับราคาที่ถูกกว่าราคาซื้อขายแบบฟรีโฮลด์(Freehold) ที่อยู่อาศัยในย่านเดียวกันมากถึง 40% ในมุมมองของนักลงทุนแล้ว นั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่จะทำให้โครงการที่อยู่อาศัยแบบลีสโฮลด์ (Leasehold) เป็นที่น่าสนใจของตลาดนักลงทุน เพราะต้นทุนที่ต่ำกว่า แต่มีโอกาสในการปล่อยเช่าได้ในอัตราค่าเช่าเดียวกับที่อยู่อาศัยแบบฟรีโฮลด์ (Freehold) ซึ่งมีต้นทุนที่สูงกว่า ทำให้โครงการที่อยู่อาศัยแบบลีสโฮลด์ (Leasehold) มีโอกาสในการสร้างอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าที่อยู่อาศัยแบบฟรีโฮลด์ (Freehold)

ตารางตัวอย่างการประเมินส่วนต่างราคา ซึ่งจากการสำรวจตลาด Leasehold มีราคาถูกกว่า Freehold ประมาณ 40%

 

ราคา (บาท)/ตรม. ราคา (บาท) /100ตรม. ส่วนต่าง (บาท)
Leasehold 220,000 22,000,000 8,000,000
Freehold 300,000 30,000,000

 

นำเงินส่วนต่างไปลงทุนในกองทุน
หรือตราสารหนี้ที่มีความมั่นคงในระยะยาว
จำนวนเงินส่วนต่าง ดอกเบี้ย 3.5%ต่อปี (ปีแรก) ดอกเบี้ยรวม 3.5%
ระยะเวลา 30 ปี (ทบต้น)
8,000,000 280,000 14,500,000
รวมระยะเวลา 30 ปีจะมีเงินในบัญชีประมาณ 22,500,000 บาท
  1. สยามสินธร ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและดูแลบริหารโครงการเอง ทำให้มั่นใจว่าโครงการจะคงคุณภาพระดับสูงไปตลอด การดูแลซ่อมบำรุงจะไม่ถูกละเลยด้วยแนวคิดการพัฒนาที่เน้นคุณภาพ ใส่ใจตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ไปจนถึงการบำรุงรักษาอาคารไม่ให้เสื่อมโทรม การดูแลความสะดวกสบายและความปลอดภัยของลูกบ้าน ซึ่งทั้งหมดนี้ดำเนินการโดยผู้พัฒนาโครงการ ทั้งนี้ข้อดีของโครงการแบบลีสโฮลด์ (Leasehold) ที่มีเจ้าของที่ดินเป็นผู้พัฒนาโครงการเอง จะมีความดูแลเอาใจใส่ ตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ไปจนถึงการบำรุงรักษาอาคาร ดังนั้นมูลค่าของอาคารในระยะยาวย่อมมีมากกว่า ต่อให้ระยะเวลาผ่านไป 10 ปี หรือ 30 ปี ก็จะมั่นใจได้ว่า อาคารยังคงมีสภาพเหมือนใหม่อยู่เสมอ หากต้องการปล่อยเช่าต่อก็สามารถทำราคาได้ดี หากเป็นโครงการแบบฟรีโฮลด์ (Freehold) ภาระการดูแลจะตกเป็นหน้าที่ของนิติบุคคลอาคารชุดที่จัดตั้งขึ้นมา ซึ่งอย่างแรกที่เป็นปัญหาคลาสสิคของคอนโดส่วนใหญ่คืออาคารทรุดโทรมเพราะขาดการดูแลที่ดี เนื่องจากวัสดุอุปกรณ์มีอายุการใช้งานสั้นเกิดการรั่วซึมชำรุด แถมการซ่อมแซมเป็นไปได้ยาก การซ่อมใหญ่แทบจะเป็นไปไม่ได้เนื่องจากขาดเงินทุนเพราะขาดความร่วมมือจากสมาชิกของนิติบุคคลอาคารชุด เวลาผ่านไป 30 ปี ก็ไม่สามารถปล่อยเช่าต่อได้อีกร เนื่องจากสภาพอาคารที่ทรุดโทรม อีกปัจจัยหนึ่งที่เราอาจจะมองข้ามคือเราจ่ายเงินมหาศาลเพื่อซื้อโฉนดที่ดินที่ทำกำไรไม่ได้เพราะคอนโดหนึ่งอาคารมีเจ้าของร่วมกันเป็นร้อยๆ ราย ยังไม่เคยมีคอนโดในประเทศไทยที่เจ้าของจับมือกันขายที่ดินเพื่อทำกำไรแม้แต่แห่งเดียว

 

สินธร วิลเลจ น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของโครงการที่อยู่อาศัยย่านใจกลางเมือง ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการทั้งการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ ทั้งในเรื่องของเดินทางที่สะดวกสบาย และการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพ พร้อมพื้นที่สีเขียว เพื่อการพักผ่อนย่านใจกลางเมืองอย่างแท้จริง