5 เทคนิคในการเลือกกองทุนรวมและทรัสต์อสังหาฯ (Property Fund & REIT) ฉบับมือใหม่

  1. ควรลงทุนในกองที่มีแนวโน้มการเติบโตของเงินปันผล เนื่องจากความสามารถในการสร้างกำไรและมีเงินปันผลต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้น (Dividend per Unit: DPU) มักทำให้ราคาหน่วยที่ซื้อ-ขาย ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
  2. ควรลงทุนในกองที่ดีควรมีอัตราการเช่าพื้นที่(Occupancy Rate) ในระดับที่สูงไม่น้อยกว่าอัตราการเช่าตลาด หากกองมีอัตราการเช่าที่ต่ำเกินไปอาจมีการขาดทุนได้ เพราะกองจะมีรายจ่ายคงที่จำนวนหนึ่ง (Fix Expense) ไม่ว่าอสังหาฯ จะมีอัตราการเช่า 20% หรือ 80% เช่น ค่าบริหารจัดการ
  3. ควรลงทุนในกองที่มีขนาดใหญ่ระดับหนึ่ง ที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่สูง ซึ่งกองที่มีมูลค่าการซื้อ-ขายมากกว่า1 ล้านบาท/วัน หรือ 100,000 หน่วย/วัน ถือว่าเป็นกองที่มีสภาพคล่องใช้ได้ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะต้องขายขาดทุนน้อยกว่า
  4. ควรลงทุนในกองที่เป็นกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ หรือสิทธิการเช่าที่เหลืออายุค่อนข้างยาวเนื่องจากการมูลค่าทางบัญชีของสิทธิการเช่าจะลดลงจนเหลือ 0 เมื่อหมดอายุสิทธิการเช่า โดยมูลค่าจะทยอยลดลงตามอายุที่สั้นลง และลดลงอย่างมากในช่วงที่อายุเหลือสั้นและอาจกระทบต่อราคาหน่วยที่ซื้อ-ขาย ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
  5. ควรลงทุนในกองที่มีสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนสถาบันสูงเนื่องจากนักลงทุนสถาบันจะมีการวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน ซึ่งสนันสนุนการตัดสินใจลงทุนได้ว่ากองที่มีนักลงทุนสถาบันลงทุนสูงจะมีการลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพดี