“แสนสิริ”เปิดบิสซิเนสโมเดลแนวราบใหม่ “อาณาสิริ” มิกซ์โปรดักส์เจาะตลาด1-3ล้าน

“แสนสิริ”เปิดบิสซิเนสโมเดลแนวราบใหม่

“อาณาสิริ” มิกซ์โปรดักส์เจาะตลาด1-3ล้าน 

                “แสนสิริ” ขยายแบรนด์แนวราบ “อาณาสิริ” โมเดลใหม่มิกซ์โปรดักส์ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ในโครงการเดียว เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดราคา 1-3 ล้านบาท ปักธงโครงการแรก”อณาสิริ อยุธยา” มูลค่าพันล้าน ชี้ทำเลอยุธยาทำเลที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ ย่านนิคมใหญ่ มีกว่า 2,000 บริษัท

นางสาววิลาสิณี เดชอมรธัญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริเปิดแบรนด์แนวราบใหม่ รูปแบบมิกส์โปรดักส์ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์เฮาส์อยู่ภายในโครงการเดียว ภายใต้ชื่อ อณาสิริ” เจาะกลุ่มลูกค้าราคาเฉลี่ย 1-3 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการพัฒนาโครงการแนวราบแบบมิกซ์โปรดักส์ตอบสนองทุกความต้องการ

            สำหรับโครงการใหม่ อณาสิริ อยุธยา” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 40 ไร่ ต.เกาะเรียน อ.พระนครศรีอยุธยา  จำนวนทั้งหมด 318 ยูนิต ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว จำนวน 74 ยูนิต ราคา 3.99-5 ล้านบาท บ้านแฝด จำนวน 102 ยูนิต ราคา 2.99-3.5 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ จำนวน 142 ยูนิต ราคา 1.89-2.3 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท พร้อมเปิดขายอย่างเป็นทางการวันที่  25-26 พฤศจิกายนนี้

                ทั้งนี้ สาเหตุเลือกเปิดแบรนด์ใหม่ อณาสิริ “ครั้งแรกที่อยุธยา   เนื่องจากมองเป็นทำเลที่มีศักภาพสูง โดยอยุธยาเป็นศูนย์กลางการเดินทางไปยังภาคเหนือและภาคอีสาน มีประชากรตามสำเนาทะเบียนบ้านกว่า 8 แสนคน และประชากรแฝงที่เข้ามาทำงานอีกกว่า 3 แสนคน เนื่องจากที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ถึง 5 แห่ง มีบริษัทอยู่ในนิคมกว่า 2,000 บริษัท ทำให้มีผู้คนย้ายเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมากและมีความต้องการที่อยู่อาศัย ทั้งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯอีกด้วย

                สำหรับซัพพลายในอยุธยา ส่วนใหญ่เน้นเปิดโครงการทาวน์เฮาส์  จำนวน 3,072 ยูนิต คิดเป็น 55% ของส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมด รองลงมาคือบ้านเดี่ยว 2,249 ยูนิต คิดเป็น 40% ปัจจุบันเหลือขายประเภทละ 700 กว่ายูนิต และ คอนโดมิเนียม 294 ยูนิต คิดเป็นส่วนแบ่ง 5% ของส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมด

                ณะที่ดีมานด์ที่นิยมที่สุดคือ ทาวน์เฮาส์ ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยโซนนิคมอุตสาหกรรมได้รับความนิยมสูงสุด อัตราการดูดซับโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ ขณะที่บ้านเดี่ยว ราคาที่ได้รับความนิยมคือ 3.00-4.99 ล้านบาท ในโซนอยุธยา-บ้านแพรก อัตราตอบรับดีเฉลี่ย 3 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ ส่วนราคาที่ดินของอยุธยา โซนที่ราคาสูงที่สุดอยู่ที่ โซนนิคมอุตสาหกรรม ถนนโรจนะ ถนนพหลโยธินใน     อ.บางปะอิน ซึ่ง เป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรม อยู่ที่ประมาณ 20,000-50,000 บาทต่อตารางวา รองลงมาคือ โซนอยุธยา-บ้านแพรก ถนนอู่ทอง ถนนนเรศวร อยู่ที่ 30,000 – 40,000 บาทต่อตารางวา และโซนลาดบัวหลวง-ผักไห่ ถนน ศรีเสนา ราคาประเมิน อยู่ที่ 15,000-25,000 บาทต่อตารางวา

“มองว่าทำเลอยุธยามีแนวโน้มในการเติบโตที่ดี รายล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยว ประกอบด้วยวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดใหญ่ชัยมงคล โรงแรมและคาเฟ่ต่างๆมากมาย จึงทำให้วันหยุดมีคนเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทั้งคนที่อยู่กรุงเทพฯ เนื่องจากใกล้กรุงเทพฯ มากเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเศษ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยว ซึ่งมองว่าอยุธยาในอนาคตจะเติบโตขึ้นและเป็นทำเลที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ที่น่าจับตามองอีกทำเลหนึ่ง” นางสาววิลาสิณี กล่าว

    สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยโครงการแนวราบมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และมีดีมานด์จริงที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยที่สูง ส่งผลให้ปีนี้ยอดขายแนวราบของแสนสิริเป็นไปได้สวย ปัจจุบันแสนสิริมียอดขายโครงการแนวราบ 10 เดือน จำนวน 11,300 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากรอบ 10 เดือนของปีก่อนเกือบ 30% ที่มียอดขาย 8,485 ล้านบาท คิดเป็น 75% ของเป้าหมายยอดขายโครงการแนวราบในปีนี้ที่ตั้งไว้ 15,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่ายอดขายแนวราบของปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน

แบรนด์โครงการบ้านเดี่ยวของแสนสิริ

แบรนด์

ระดับราคา

1. บ้านแสนสิริ

50-200 ล้านบาท

2. นาราสิริ

20 ล้านบาทขึ้นไป

3. เศรษฐสิริ

8-20 ล้านบาท

4. บุราสิริ

8-20 ล้านบาท

5. สราญสิริ

5-8 ล้านบาท

6. คณาสิริ

4-5 ล้านบาท

7. อณาสิริ

1-3 ล้านบาท